วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ฉันต้องใช้อะไรบ้างในการเทรด Forex?

ใช้แค่เพียงคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีทดลองฟรีหรือบัญชีจริงที่มียอดเงินกับ Admiral Markets เพื่อเริ่มเทรด อย่างไรก็ตาม คุณควรมีการศึกษาและเครื่องมือสำหรับ Forex ที่เพียบพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงในตลาด Forex

ทดลองตัวฟรีก่อนทำเงินจริงคลิกฟรี!!!

ฉันจะทำกำไรจากการเทรด Forex ได้อย่างไร

โดยพื้นฐานแล้วคุณจะต้องการให้ตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่สนับสนุนคุณ คุณสามารถทำให้ได้เปรียบขึ้นได้โดยการวิเคราะห์ตลาดด้วยวิธีต่างๆ การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้แนวโน้ม ข้อมูลในอดีต และการเคลื่อนไหวของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งจะใช้วิธีการทางสถิติมากขึ้นในการเทรดโดยการดูกราฟและข้อมูลชี้วัดอย่างละเอียด อีกทางหนึ่งคุณมี การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่เน้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและประกาศสำคัญซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลต่อตลาด แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใด คุณควรพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาดที่มีศักยภาพด้วยกลยุทธ์การเทรดที่สร้างขึ้น การตัดสินใจอย่างรอบคอบ และการบริหารเงินอย่างชาญฉลาด ผลรวมของผลกำไรขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเทรดของคุณว่าคุณเรียนรู้ที่จะคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอัตราและแนวโน้ม และจำนวนเงินฝากของคุณที่ช่วยให้คุณสามารถประคับประคองสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยในระหว่างการเคลื่อนไหวของตลาดรวมทั้งใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเทรดที่ดี

สมัครEXNESSได้ที่นี่
การใช้โปรแกรมซื้อขายคลิก

ฉันจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรด Forex ได้ที่ไหน?

การอ่านคำถามที่พบบ่อยตรงนี้จนจบถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี! อย่าลืมดูเนื้อหาเพื่อการศึกษาที่เรามี เช่น โปรแกรมการอบรม งานสัมมนา เว็บบินาร์ และวิดีโอแนะนำ การสร้างบัญชีทดลองเป็นขั้นแรกสู่การเทรดให้ประสบความสำเร็จ ทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และผู้เชียวชาญต่างใช้บัญชีทดลองเพื่อทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม ทดสอบและปรับกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมและปรับค่าของ Add-on, ปลั๊กอิน, สคริปต์ และเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คุณจะเห็นตลาดอย่างที่เป็นในบัญชีจริงและไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้สัมผัสด้วยตัวเองขณะที่คุณทำการศึกษาทดลอง บัญชีทดลองไม่มีทั้งค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงใดๆ เพียงติดต่อผู้จัดการบัญชีของคุณเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หากคุณยังไม่มีผู้จัดการบัญชี โปรดเปิดบัญชีทดลองและจะมีคนติดต่อคุณไปในเร็วๆ นี้

คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดข้อมูลได้ที่นี้

สมัครEXNESSได้ที่นี่

มีการกำหนดราคาของสกุลเงินอย่างไร?

มีหลายปัจจัยที่สามารถทำได้และส่งผลต่อราคาสกุลเงิน ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการประกาศและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีแม้กระทั่งการถกเถียงกันเรื่องจิตวิทยามวลชนว่าเทรดเดอร์รับรู้ถึงตลาดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอย่างไร ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจเทรดเป็นจำนวนมากและมีอิทธิพลต่อตลาด ในขณะที่ไม่มีปาฏิหาริย์หรือวิธีที่แน่นอนในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา แต่ก็มีเทคนิคบางอย่างที่ละเอียดมากซึ่งนักวิเคราะห์ใช้ในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้น

สมัครEXNESSได้ที่นี่

ใครเป็นผู้มีส่วนร่วมในตลาด Forex บ้าง?

ผู้มีส่วนร่วมหลักในตลาด Forex คือผู้สร้างสเปรด ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยธนาคารดังกล่าวรวมถึงธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการลงทุน จึงรู้จักกันในชื่อตลาดระหว่างธนาคารเนื่องจากพวกเขาจัดการให้เรากันอย่างต่อเนื่องในนามของพวกเขาเองหรือลูกค้าของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์ของผู้มีส่วนร่วมในตลาดอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเเร็วและตอนนี้รายชื่อก็รวมถึงบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ผู้จัดการเงินทั่วโลก ตัวแทนจำหน่ายที่จดทะเบียน โบรกเกอร์การเงินระหว่างประเทศ ผู้เทรดออปชั่นและฟิวเจอร์ส รวมถึงนักลงทุนรายบุคคล

สมัครEXNESSได้ที่นี่

ศูนย์กลางของตลาด Forex อยู่ที่ไหน?

ไม่เหมือนกับตลาดหลักทรัพย์ ตลาด Forex ไม่มีตลาดใดเป็นศูนย์กลาง การทำธุรกรรมเกิดขึ้นระหว่างสองคู่สัญญาผ่านทางโทรศัพท์หรือผ่านทางเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นตลาด Forex จึงถือว่าเป็นแบบ Over-the-Counter (OTC) หรือตลาด 'ระหว่างธนาคาร'

สมัครEXNESSได้ที่นี่

การเทรด Forex มีราคาสูงหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับเลเวอเรจที่ใช้และจำนวนเงินที่ลงทุนไป คุณอาจเริ่มลงทุนด้วยเงิน $50 หรือ $50 000 โดยที่ไม่มีขีดจำกัดสูงสุด อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าการเพิ่มเลเวอเรจคือการเพิ่มความเสี่ยง และท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับการยอมรับและการบริหารความเสี่ยง เทรดเดอร์ที่มีฝีมือสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรสูงสุดได้จากการวิเคราะห์ มีกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับสไตล์ และมีการบริหารเงินอย่างชาญฉลาด

สมัครEXNESSได้ที่นี่

ช่วงเวลาทำการซื้อขายของตลาด Forex คือเวลาใด?

ตลาด Forex เปิด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์และสกุลเงินก็มีการเทรดกันทั่วโลกท่ามกลางศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ โดยจะเปิดในวันอาทิตย์ เวลา 22:00 GMT และปิดในวันศุกร์ เวลา 22:00 GMT:

ซิดนีย์เปิดตั้งแต่ 22:00 ถึง 7:00 GMT

โตเกียวเปิดตั้งแต่ 24:00 ถึง 9:00 GMT
ลอนดอนเปิดตั้งแต่ 8:00 ถึง 17:00 GMT
นิวยอร์กเปิดตั้งแต่ 13:00 ถึง 22:00 GMT

Pip คือ : ทำความเข้าใจ pip คืออะไรในตลาด Forex

Pip คือ : ทำความเข้าใจ pip คืออะไรในตลาด Forex

pip คือ? หากคุณเริ่มมีความสนใจในตลาด Forex ยิ่งถ้าหากคุณได้ติดตามบทวิเคราะห์หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาด Forex อย่างเป็นประจำแล้ว คุณก็มีแนวโน้มที่จะเจอคำว่า pip หรือ pips เนื่องจากคำว่า pip เป็นคำสามัญสำหรับเทรดเดอร์ที่คุ้นเคยกับตลาด Forex มาเป็นอย่างดีแล้ว แต่สำหรับมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า pip คืออะไร? ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง pip ในตลาด Forex, pip คือ, การคำนวณ pip ว่า 1 pip เท่ากับกี่จุด และสุดท้ายเป็นแนวคิดในภาคปฏิบัติเกี่ยวกับ pip เมื่อต้องเข้าไปเทรดในตลาด Forex จริงๆ
Pip คืออะไร

pip คือ : ความหมายของ pip ในตลาด Forex

pip คือหน่วยของการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด Forex, CFD ซึ่งในตราสารทางการเงินที่แตกต่างกัน การเปลี่ยนแปลงของราคาดังกล่าวก็จะมีมูลค่าที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน โดยมูลค่าของการเปลี่ยนแปลงของราคาจะเรียกว่า pip value สรุปอย่างง่ายๆ คือ pip เป็น "หน่วยวัด" ในตลาด Forex, CFD ว่าราคาเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
ตลาด Forex ยุคก่อนนั้น หน่วย pip เป็นหน่วยการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เล็กที่สุด และตามปกติของตลาด Forex จะมีการกำหนดราคา (Quote) ของสกุลเงินต่างๆ ให้เป็นตัวเลขที่มีทศนิยม 4 หลัก โดยเลขทศนิยมหลักที่ 4 จะเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง 1 pip ก็คือการเปลี่ยนแปลง 1 หน่วยของเลขทศนิยมในหลักที่ 4 นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีวิธีการวัดการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น เกิดเป็นทศนิยมในหลักที่ 5 ซึ่งเป็นหน่วยที่ย่อยต่อมาจาก pip โดยเราจะเรียกหน่วยของการเปลี่ยนแปลงในทศนิยมหลักที่ 5 ว่า point หรือ "จุด" ซึ่งก็สรุปได้ว่า 1 pip เท่ากับ 10 จุด
แม้ว่าปัจจุบัน เกือบทุกโบรกเกอร์จะกำหนดราคาในสกุลเงินต่างๆ หรือในตลาด Forex ให้มีหน่วยทศนิยมในหลักที่ 5 กันหมดแล้ว ซึ่งทำให้คำนิยามเดิมของคำว่า pip ที่เคยหมายถึง "ทศนิยมหลักสุดท้าย" เปลี่ยนไป โดย point กลายเป็นทศนิยมหลักสุดท้ายแทน อย่างไรก็ตาม หน่วย pip ยังคงเป็นหน่วยมาตรฐานสำหรับทุกๆ โบรกเกอร์และทุกแพลตฟอร์ม คำว่า pip ยังคงเป็นหน่วยวัดที่ใช้สื่อสารได้มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าใจตรงกันได้มากกว่า เนื่องจาก pip มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าคำว่า point ที่มีความหมายทั่วๆ ไป

pip value คืออะไร : 1 pip เท่ากี่จุด, มีมูลค่าเท่าไหร่

สำหรับ คู่สกุลเงิน ส่วนใหญ่ 1 pip คือการเปลี่ยนแปลงของราคาในทศนิยมในหลักที่ 4 แต่จะมีข้อแตกต่างบางประการหากเป็นคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินเยน (Japanese Yen) เนื่องจากโดยทั่วไปจะกำหนดราคาเป็นเลขทศนิยม 2 หลัก นั่นคือ 1 pip ในคู่เงินที่มีสกุลเงินเยน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในทศนิยมหลักที่ 2
pip value คือ มูลค่าที่เป็นจำนวนเงินต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาในหน่วย pip หรือก็คือ pip value จะเป็นการพิจารณาว่า 1 pip ในสกุลเงินหรือสินค้าต่างๆ จะมีมูลค่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่บนสัญญาขนาดต่างๆ การที่คุณเข้าใจว่า 1 pip มีมูลค่าเท่าไหร่ จะยิ่งมีความสำคัญเมื่อคุณมีการเทรดด้วยขนาดสัญญาที่หลากหลายมากขึ้น คุณจำเป็นต้องรู้ว่า เวลาที่คุณเพิ่มขนาดสัญญาในการเทรด มูลค่าเป็นจำนวนเงินนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ยกตัวอย่าง หากคุณต้องการเทรดสกุลเงิน EUR/USD ซึ่งเรารู้แล้วว่า 1 pip ของ EUR/USD จะเท่ากับการเปลี่ยนแปลง 0.0001 (การเปลี่ยนแปลงในทศนิยมหลักที่ 4) หากคุณซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.16650 และขายออกที่ราคา 1.16660 การเปลี่ยนแปลงของราคาหรือจำนวน pip จะเท่ากับ
  • 1.16660 - 1.16650 = 0.00010
  • นั่นคือทศนิยมหลักที่ 4 เปลี่ยนแปลงไป 1 หรือเท่ากับ 1 pip นั่นเอง
และหากคุณต้องการเทรด EUR/USD ด้วยสัญญาขนาด 1 Lot (1 Lot ใน EUR/USD = 100,000 ยูโร : หน่วยของขนาดสัญญาจะมีหน่วยเป็นสกุลเงินที่อยู่ด้านหน้าของคู่เงิน หรือ Base Currency) เราจะสามารถหามูลค่าของ pip อย่างคร่าวๆ ต่อขนาดสัญญาต่างๆ ได้โดยการนำขนาดสัญญา x การเปลี่ยนแปลงของราคา ก็จะได้ 100,000 x 0.0001 = 10 USD
พูดง่ายๆ ก็คือที่สัญญาขนาด 1 Lot การเคลื่อนไหว 1 pip จะเท่ากับ 10 USD นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ให้สังเกตว่า หน่วยของสกุลเงินจะเปลี่ยนแปลงไปตามสกุลเงินที่อยู่ด้านหลังของคู่เงิน (Quote Currency) เช่น USDCHF แต่ละ pip จะมีค่าเท่ากับ 10 CHF ในขณะที่ 1 pip ใน USDJPY จะเท่ากับ 1,000 Yen
คู่สกุลเงิน
1 pip เท่ากับ
ตัวอย่างราคา
สัญญา 1 Lot เท่ากับ
1 pip เท่ากับจำนวนเงิน
EURUSD
0.0001
1.16671
100,000 EUR
10 USD
GBPUSD
0.0001
1.31114
100,000 GBP
10 USD
USDJPY
0.01
113.553
100,000 USD
1,000 JPY
USDCAD
0.0001
1.27326
100,000 USD
10 CAD
USDCHF
0.0001
0.99543
100,000 USD
10 CHF
AUDUSD
0.0001
0.76260
100,000 AUD
10 USD
NZDUSD
0.0001
0.69008
100,000 NZD
10 USD

มาคำนวณ Forex Pip

สมมติว่าคุณเข้าเทรด EUR/USD ด้วยสัญญาขนาด 1 Lot ที่ราคา 1.16650 ในฝั่ง Buy มันจะมีค่าเท่ากับคุณซื้อสัญญาขนาด 100,000 EUR ซึ่งในทางทฤษฎี คุณกำลังขายสกุลเงิน USD เพื่อมาซื้อ EUR อยู่ ซึ่งมูลค่าของเงิน USD ที่คุณกำลังขายนั้น จะถูกกำหนดโดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขนะนั้น
ตัวอย่าง
  • EUR 100,000 x 1.16650 = 116,650 USD
  • ต่อมา คุณได้ทำการปิดสถานะของฝั่ง Buy ที่ราคา 1.16660 ซึ่งมีค่าเท่ากับการ Sell กลับ โดยเป็นการขาย EUR ที่ซื้อมาออกไป และซื้อ USD กลับคืนมา
  • EUR 100,000 x 1.16660 = 116,660 USD
  • สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดจริงๆ คือ คุณซื้อสัญญา EUR มาด้วยเงิน 166,650 USD และคุณก็ขายสัญญานี้ออกไปด้วยราคาที่สูงขึ้น คือ 166,660 USD ซึ่งทำให้คุณได้กำไรเท่ากับ 166,650 - 166,660 = 10 USD
สรุปอีกครั้งว่า หากคุณกำลังเทรดด้วยสัญญาขนาด 1 Lot จะหมายถึง 100,000 หน่วยสกุลเงินหลัก (Base Currency) เช่น 1 Lot ใน EUR/USD จะเท่ากับ 100,000 EUR ทั้งนี้ ตัว pip value จะเป็นการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของราคาในทศนิยมหลักที่ 4 ในคู่สกุลเงินต่างๆ โดย 1 pip จะมีค่าเท่ากับ 10 หน่วยในสกุลเงินรอง (สกุลเงินที่อยู่ด้านหลัง หรือ Quote Currency) เช่น EUR/USD ราคาขยับ 1 pip จะเท่ากับ 10 USD
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโบรกเกอร์ Forex ให้มากกว่านี้ สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความ : เลือกโบรกเกอร์ Forex และโบรกเกอร์ CFD อย่างไรให้ได้รายที่ดีที่สุดประจำปี 2019

pip value ของสกุลเงินเยน (JPY) ที่ต่างออกไป

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า มีสิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งเลยก็คือ สกุลเงินเยน (Japanese Yen) หรือคู่เงินที่มีสกุลเงินเยนเข้ามาเกี่ยวข้อง จะมีการกำหนดราคาเป็นตัวเลขทศนิยมเพียง 2 หลักเท่านั้น ทำให้ 1 pip ในคู่เงิน JPY จะนับจากทศนิยมหลักที่ 2 และหากคุณเทรดที่คู่เงินดังกล่าวด้วยสัญญาขนาด 1 Lot ทุกๆ การเคลื่อนไหว 1 pip จะมีมูลค่าเท่ากับ 1,000 เยน มือใหม่อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้นได้
เราจึงจะพาไปคำนวณค่า pip ในคู่เงิน USDJPY แล้วคุณจะเห็นภาพมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง การคำนวณ pip value ในคู่เงิน USD / JPY

  • สมมติว่า คุณเปิด Sell คู่เงิน USD/JPY ด้วยขนาด 2 Lot ที่ราคา 113.607 ทั้งนี้ 1 Lot ของ USD/JPY เท่ากับ 100,000 USD คุณ Sell ไป 2 Lot ก็จะเท่ากับคุณขาย 200,000 USD แล้วซื้อ 22,721,400 JPY กลับคืนมา (2 x100,000x113.607)
  • หากราคาขยับไปในทิศทางตรงข้ามกับคุณ และคุณตัดสินใจปิดการเทรดเพื่อตัดขาดทุนที่ราคา 114.107 โดย 1 pip มีค่าเท่ากับการเปลี่ยนแปลงในทศนิยมหลักที่ 2 ของ USD/JPY เท่ากับว่า คุณเสียหายไปทั้งหมด 50 Pips (113.607-114.107 = -50)
  • อธิบายเพิ่มเติมคือในตอนที่คุณปิดสัญญา Sell ของคุณ มันคือการที่คุณ Buy กลับมา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตลาดจะเท่ากับการที่คุณขาย 22,821,400 JPY แล้วซื้อ 200,000 USD กลับคืนมา (ขาย 22,821,400 JPY ด้วยราคา 200,000 USD)
  • ให้สังเกตว่า ความจริงคุณมีปริมาณเงินเยนเพิ่มมากขึ้น คือ 22,821,400 - 22,721,400 = 100,000 JPY แต่คุณกลับขายเงินทั้งหมดด้วยราคา 200,000 USD เท่าเดิม ซึ่งหมายความว่า จำนวนเงิน 100,000 JPY ที่เพิ่มขึ้นมาไม่มีความหมาย หรือก็คือ คุณขาดทุน 100,000 JPY นั่นเอง
  • คุณขาดทุน 100,000 JPY จากระยะทางการเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมด 50 pip จะได้ว่าคุณขาดทุน pip ละ 100,000/50 = 2,000 JPY ต่อสัญญา 2 Lot สรุปสุดท้ายคือ มันจะพอดีกับค่า pip value พอดี คือ คุณจะขาดทุนในรอบนี้ pip ละ 1,000 JPY
หากบัญชีเทรดของคุณมีหน่วยเป็นสกุลเงินที่แตกต่างจากหน่วยของสกุลเงินรอง (quote currency) การคำนวณ pip value ที่แท้จริง จะต้องปรับเป็นสกุลเงินของคุณอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้ว กระบวนการทั้งหมดนี้ สามารถคำนวณผ่านโปรแกรม " เครื่องคำนวณการซื้อขาย (Trading Calculator)" ของเรา เพื่อหา pip และคำนวณ pip value ได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย
เทรดโดยปราศจากความเสี่ยงกับ Admiral Markets
เทรดเดอร์มืออาชีพที่เลือกเทรดกับ Admiral Markets จะทราบกันดีอยู่แล้วว่า พวกเขาสามารถเทรดในตลาดโดยปราศจากความเสี่ยงใดๆ ได้จากระบบบัญชีทดลอง (demo) เพราะแทนที่จะมุ่งไปที่ตลาดจริงๆ บัญชีเงินจริงเลย เราสามารถทดลองกลยุทธิ์ใหม่ๆ ของเราได้บนสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ฝึกเทรดและใช้กลยุทธิ์นั้นๆ ได้จนกว่าจะพร้อมที่จะเข้าเทรดในตลาดด้วยเงินจริง เป็นบัญชีที่คุณสามารถออกแบบประสบการณ์การเทรดได้ด้วยตัวของคุณ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีทดลองได้แล้ววันนี้ ฟรี!
เกร็ดความรู้ : pip คือ? ย่อมาจากอะไรกันแน่
บางคนบอกว่า pip มีต้นกำเนิดมาจากคำว่า Percentage-In-Point แต่ข้อสันนิษฐานที่ยก นักวิชาการเชื่อว่า อาจมีความผิดพลาดในเชิงศัพทมูลวิทยาอยู่บ้าง (etymology: การศึกษาที่มาของคำศัพท์) ส่วนต้นกำเนิดอื่นๆ ที่เชื่อว่า อาจเป็นไปได้เหมือนกันคือคำว่า Price Interest Point แต่ไม่ว่าต้นกำเนิดมันจะมาจากไหน คำว่า pip เป็นคำที่ใช้สื่อสารระหว่างเทรดเดอร์ด้วยกันได้อย่างเข้าใจง่ายที่สุดแล้ว
จริงๆ เรื่องนี้คล้ายกับคำว่า basis point เวลาพูดถึงหน่วยของการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เรียกสั้นๆ ว่า "bip" ซึ่งมันง่ายกว่ามากๆ หากเราพูดว่า อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 55 bip แทนที่จะบอกว่า อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.55 ยิ่งเราไปดูตัวอย่างใน MetaTrader 4 (MT4) เราจะยิ่งเห็นภาพมากขึ้นว่า ทำไมควรจะเรียกมันให้สั้นๆ ก็พอ

pip Forex กับราคาใน MT4

ภาพด้านล่างแสดงหน้าต่าง "ส่งคำสั่งซื้อขาย" สำหรับคู่สกุลเงิน GBP / USD ใน MetaTrader 4
จากภาพเป็นแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 ที่ให้บริการโดย Admiral Markets ซึ่งมีการแสดงราคาของคู่เงิน GBP/USD
คำปฏิเสธข้อเรียกร้อง: กราฟของสินทรัพย์ทางการเงินที่แสดงในบทความนี้ ใช้ในจุดประสงค์เพื่อการอธิบาย ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการเทรดหรือชักชวนให้ซื้อขายเครื่องมือการทางเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admiral Markets (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวนอนาคตได้
ราคาที่แสดงในภาพคือ 1.31190/1.31208 เราจะเห็นว่าตัวเลขทศนิยมตำแหน่งสุดท้ายมีขนาดเล็กกว่าตัวเลขอื่นๆ ซึ่งหมายถึงตัวเลขทศนิยมในหลักที่ 5 ดังกล่าวนั้น เป็นตัวเลขในระดับที่ย่อยลงจาก pip (fractional pip) ซึ่งเราเรียกมันว่า point นั่นเอง
อีกอย่างที่อยากให้สังเกตคือความแตกต่างระหว่าง "ราคา bid" กับ "ราคา offer" (ราคาเสนอซื้อ, ราคาเสนอขาย) ซึ่งมีความแตกต่างกัน 1.8 pips ความหมายก็คือ หากคุณเข้าเทรดไม่ว่าจะ buy หรือ sell ณ ราคานี้ คุณจะมีค่าใช้จ่ายจำนวน 1.8 pips ทั้งนี้หากคุณลืมตั้งค่าตำแหน่ง Take Profit หรือ Stop Loss คุณก็สามารถดับเบิลคลิกในรายการคำสั่งซื้อขายของคุณในหน้าต่าง Terminal ขึ้นมาได้ ซึ่งมันกลายมาเป็นหน้าต่าง Modify Order แบบภาพด้านล่าง
จากภาพเป็นแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 ที่ให้บริการโดย Admiral Markets ซึ่งมีการแสดงราคาของคู่เงิน GBP/USD
คำปฏิเสธข้อเรียกร้อง: กราฟของสินทรัพย์ทางการเงินที่แสดงในบทความนี้ ใช้ในจุดประสงค์เพื่อการอธิบาย ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการเทรดหรือชักชวนให้ซื้อขายเครื่องมือการทางเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admiral Markets (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวนอนาคตได้
ในหน้าต่าง Modify Order เราจะเห็นว่า มีปุ่มให้กดตรงคำว่า Level ซึ่งจะมีเมนู Drop-Down แสดงลงมา เราสามารถระยะทางในการ Take Profit หรือ Stop Loss อย่างรวดเร็วได้จากแท็บนี้เลย ทั้งนี้ ตามที่เราเรียนกันไปแล้วว่า 1 pip มีค่าเท่ากับ 10 จุด หรือ 10 points ดังนั้น เราจะเห็นว่า ในภาพที่แสดง 10 point ก็หมายถึง เรากำลังจะตั้ง Stop Loss ที่ระยะ 1 pip นั่นเอง
แต่ไม่ว่าอย่างไร การทดลองเข้าเทรดด้วยบนแพลตฟอร์มจริงๆ ย่อมจะเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่า ซึ่งแน่นอนว่า คุณสามารถทดลองเทรดได้ด้วยเงินทดลองโดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ คุณสามารถฝึกตั้งค่า Stop Loss หรือ Take Profit ได้อย่างอิสระ คุณสามารถฝึกได้ฟรีๆ ด้วยบัญชีทดลอง (demo) บัญชีนี้จะอนุญาตให้คุณสามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ เทรดบนสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริงทุกประการ คำนวณเงินและราคาได้ตามตลาดจริง เพียงแต่เป็นการเทรดด้วยเงินที่จำลองขึ้นมาเท่านั้นเอง คุณสามารถฝึดเทรดได้เรื่อยๆ โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ

ค่า pip value ในการเทรด CFD หุ้น

ทั้งหมดที่กล่าวมาจะค่อนข้างเกี่ยวข้องกับสกุลเงินหรือ Forex แต่หากคุณกำลังสนใจที่จะเทรดหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านโบรกเกอร์ Admiral Markets คุณสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผลิตภัณฑ์ "หุ้น" (Shares) อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะต้องยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่า ไม่มีการใช้ pip ในการเทรดหุ้น โดยเวลาคุณเทรดคุณสามารถคำนวณเป็นราคาหุ้นตามที่แสดงได้โดยตรง เช่น pence หรือ cents
ตัวอย่าง ภาพด้านล่างแสดงหน้าต่างคำสั่งซื้อในหุ้นที่ชื่อ IBM
จากภาพเป็นแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 ที่ให้บริการโดย Admiral Markets ซึ่งมีการแสดงราคาหุ้น IBM
คำปฏิเสธข้อเรียกร้อง: กราฟของสินทรัพย์ทางการเงินที่แสดงในบทความนี้ ใช้ในจุดประสงค์เพื่อการอธิบาย ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการเทรดหรือชักชวนให้ซื้อขายเครื่องมือการทางเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admiral Markets (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวนอนาคตได้
ตัวเลขทั้งหมดที่แสดงในหน้าต่างข้างต้นซื้อขาย IMB ข้างต้น จะเห็นว่ามีหน่วยเป็น USD ทั้งหมด โดยตัวเลขทศนิยมก็มีมูลค่าเท่ากับ Cent ในสกุลเงิน USD จริงๆ ซึ่งทำให้เราสามารถคำนวณราคาตามที่ปรากฏได้เลย ไม่ต้องแปลงค่าใดๆ อีก แต่ทั้งนี้ แม้จะไม่ได้มีการใช้คำว่า pip ในการเทรดหุ้น แต่จะมีคำว่า Tick เข้ามาแทน โดยหมายถึงหน่วยของการเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดที่เท่าที่เป็นไปได้ตามแต่ละสินค้า ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ 1 Tick เท่ากับ 1 Cent นั่นเอง
ไม่ว่าคุณกำลังวางแผนที่จะเทรด Forex หรือเทรดหุ้นผ่านสัญญา CFD คุณจำเป็นจะต้องเทรดผ่านแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่คุณควรจะเลือกเทรดผ่าน MetaTrader Supreme Edition (MTSE) ซึ่งเป็นปลั๊กอินเสริมสำหรับ MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 โดยตัว MTSE เป็นปลั๊กอินที่ทันสมัย มาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดในการแสดงผลเกี่ยวกับตัวชี้วัด (Indicator) ต่างๆ ในตลาดในมุมมองที่กว้างมากขึ้น มันจะทำให้คุณเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นมาตรฐานที่คุณเคยใช้

บทสรุปของคำถามว่า pip คืออะไร!

มาถึงตอนนี้คุณน่าจะตอบคำถามได้แล้วว่า pip คืออะไร และมันสำคัญอย่างไรสำหรับการเทรดในตลาด Forex การคุ้นเคยการหน่วย pip จะทำให้คุณสามารถก้าวไปสู่อีก Step ในการเป็นเทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญได้ ถ้าหากคุณรู้สึก Enjoy กับการอ่านบทความเกี่ยวกับ pip และตลาด Forex 

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2563

เทคนิคการเทรด Forex ระยะสั้น

การเทรด Forex ระยะสั้น หมายถึงการเทรด โดยมีระยะเวลาการถือครอง position ตั้งแต่ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยไม่เกินนี้ โดยสัมพันธ์กับ Time Frame ที่ทำการเทรด หรือ Time Frame ที่ใช้ในการเทรด เช่น Time Frame 1H หรือ 4H ซึ่งระยะเวลาในการถือครองจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ โดยการเทรดระยะสั้นเป็นการเทรดที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากต้องการทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็ว  การทำรอบในการทำกำไรที่รวดเร็วสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างการเจริญเติบโตของพอร์ทได้เร็ว ในกรณีที่ทำกำไรได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex แบบระยะสั้นก็ทำให้พอร์ทการลงทุนลดลงได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน ซึ่งจะมีอธิบายในเทคนิคการเทรด Forex ระยะสั้นนี้
เทคนิคในการเทรด Forex สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่ การเทรดระยะสั้นมาก ๆ คือการเทรด Scalping ซึ่งเป็นการถือ Position ในระดับหลักชั่วโมง และถือไม่เกิน 1 วัน เรียกทั่วไปว่า Day Trader หรือถ้าหากเป็นการเทรดระยะสั้น คือการเทรด แบบ Swing Trade จะถือ position ยาวขึ้นมาหน่อย คือ ระยะ 1 วัน จนถึงระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวทำให้ต้นทุนการถือ position ไม่มีนัยสำคัญมากนัก การเทรดระยะกลาง คือการถือ Position หลัก 1 – 2 เดือน ขณะที่การเทรด ระยะยาว หรือ Long Term Trading เกี่ยวข้องกับการเทรด โดยใช้พื้นฐานเศรษฐกิจ นโยบายการเงินในการวิเคราะห์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 1 ครั้งต้องอาศัยผลของมันในระยะยาว จึงอาจจะเรียกว่า การเทรดระยะยาวอาจจะต้องถือ position เป็นปี ๆ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความการเทรดระยะสั้นกันก่อน ดังนี้

ข้อได้เปรียบและจุดอ่อนของการเทรดระยะสั้น

ข้อได้เปรียบของการเทรดระยะสั้น คือ การเทรดระยะสั้นสามารถคาดการณ์ได้ง่าย  การคาดการณ์ได้ง่ายหมายความว่า อย่างไร การเทรดระยะสั้นคือการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วน ๆ ซึ่งการคาดการณ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ Time Frame ที่ใหญ่ว่าในการคาดเดาทิศทาง สิ่งที่คนเทรดระยะสั้นต้องระวังคือ การไม่เผลอถือ position นอกเหนือแผนการเทรดของตัวเอง เพราะว่า ถ้าหากเราไม่ตั้ง Stop loss แล้วผลการเทรดที่ขาดทุนจะนำไปสู่การลดลงของพอร์ทอย่างใหญ่หลวง เนื่องจาก การเทรดระยะสั้น ระยะทางการวิ่งของราคาจะน้อย ทำให้ส่ง Lot ใหญ่เพื่อชดเชยกับระยะทาง ดังนั้น หากเราไม่ใส่ Stop loss ในการเทรดระยะสั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง
ภาพที่ 1 เทคนิคการเทรด Forex ระยะสั้น – ข้อดีข้อเสีย
ข้อดีของการเทรดระยะสั้นอีกอย่างคือ เราไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะยาว เราสามารถตั้ง Position และเปิด Stop loss ไว้ เมื่อมันชน Stop loss ก็คือ จบการเทรด เราไม่ต้องเผชิญกับภาวะจิตใจที่ต้องรู้สึกว่าจะต้องทนกับการถือ position ลองดูการเทรดระยะยาว ที่ต้องถือ position ข้ามปี และต้องถือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน (Swap) ทำให้กำไรที่กว่าจะได้มานั้นบางครั้งอาจจะไม่ Cover ขาดทุนจาก Swap ด้วยซ้ำ ซึ่งการเทรดระยะสั้นไม่ต้องเผชิญข้อนี้
อย่างไรก็ตามการเทรดระยะสั้น นั้นยังมีข้อเสียที่ตามมาอย่างชัดเจน คือ การเผชิญกับภาวะจิตใจที่ขึ้น ๆ ลง เช่น ถ้าหากเราขาดทุนติด ๆ กันสัก 6 ครั้ง เราจะหงุดหงิดและโมโห อยากจะเอาคืน ซึ่งมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะทำอะไรโดยไม่คิด ขาดสติจากการโมโหนั้นและโดยการส่ง Lot ขนาดใหญ่เพื่อจะเอาคืน ซึ่งหลายคนก็เกิดอาการฟิวส์ขาดนี้ได้บ่อย ๆ  นอกจากนี้ การเทรดระยะสั้น อาจจะทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ นั่นเพราะว่า เมื่อเราขาดทุนในระยะสั้น เรายังขาดทุนได้บ่อยครั้งกว่าการถือ position ในระยะยาว เมื่อขาดทุนติด ๆ กันทำให้การกลับมาใหม่เพื่อทำให้ได้ระดับที่เท่าทุนนั้นยิ่งทำได้ยาก
จากข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบดังกล่าว การเทรดระยะสั้นนั้น เทรดเดอร์ต้องฝึกให้มีความชำนาญ และสามารถป้องกันปัญหาข้ออ่อนของมันไม่ให้เกิดขึ้น โดยการไม่ทำตามอารมณ์ ทำตามแผนการเทรด จะทำให้ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้

กลยุทธ์การเทรด

การเข้าเทรดในการเทรดระยะสั้น นั้นจะต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ Time Frame โดยกลยุทธ์การเทรดนี้จะพูดถึง การเข้า การออก จากการเทรด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและ indicator ต่างที่ควรใช้ ดังนี้
การเข้าเทรด
การเข้าเทรด การเทรดระยะสั้น เป็นการเทรด Swing ประเภทหนึ่ง ซึ่งเครื่องมือประเภทเทรด Swing ก็จะสามารถใช้ Stochastic RSI  หรืออาจจะใช้เครื่องมือประเภทเทรนด์ได้ แต่ว่าจะต้องใช้ Time Frame เล็กกว่าที่กำหนด ในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ Stochastic ในการจัดการการเข้าเทรด โดยเลือก Time Frame  4 ชั่วโมง ซึ่งรอบของการขึ้นลงต่อรอบเท่ากับ ประมาณหลักสัปดาห์ ดังภาพต่อไปนี้
ภาพที่ 2 การเทรด forex ระยะสั้น  – กรอบระยะเวลาที่เทรดกับ Stochastic
จากภาพที่ 2 จะเห็นว่า กรอบระยะเวลาที่ใช้ในการเทรด คือกรอบ 4 ชั่วโมง แต่ระยะเวลาที่เทรนด์กินเวลานั้นกินระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาการถือจะอยู่ในช่วงนี้ เกือบทุกครั้ง  สำหรับการเข้าเทรด เราใช้หลักการง่าย ๆ นั่นคือ
ส่ง Buy เมื่อ Stochastic เกิดสัญญาณ Oversold หรือ ตัดลงต่ำกว่า ระดับ 20 ขณะที่ การส่ง Sell คือการส่งเมื่อเกิดสัญญาณ Overbought ซึ่งการเทรดต้องมีการตั้ง Stop loss ทุกครั้ง เนื่องจากขนาดของการส่งคำสั่งมีขนาดใหญ่ ไม่เช่นนั้นถ้าหากเกิดข่าวไม่ดีออกมาอาจจะทำให้การขาดทุนนั้น ขาดทุนแบบไม่มีจุดสิ้นสุดได้
ภาพที่ 3 การเทรด Forex ระยะสั้น – สัญญาณเทรด
จากภาพจะเห็นสัญญาณเทรด Buy และ สัญญาณ Sell ของการเทรด ซึ่งบางช่วงของการเข้าเทรดอาจจะไม่ใช่ราคาต่ำสุด ซึ่งถ้าหากเราไม่เพื่อช่องราคาให้มันวิ่ง มันอาจจะชน Stop loss และดีดขึ้นจนทำให้เราหงุดหงิด ซึ่งเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว เราควรต้องประมาณการว่า ระยะห่างที่จะเหมาะสมกับการตั้ง Stop loss  โดยการคำนวณจุดเข้าและจุดที่มันวิ่งไปอีกเท่าไหร่ สัก 100 ครั้งก็จะได้ระยะทางเฉลี่ย โดยเราอาจจะใช้ค่าสูงสุด บวก 10 pip ก็ได้ เมื่อกำหนดได้แล้วจะได้รู้ว่า RisK Reward ของการเทรด จากคาดการณ์กำไรที่จะไปเท่ากับเท่าไหร่
นอกจากากรตั้ง Stop loss แล้ว เราควรทำการตั้ง Trailing Stop เพื่อป้องกันออเดอร์ที่กำไรกลับกลายเป็นออเดอร์ขาดทุน ในกรณีที่มีการถือ position ข้ามคืน ตอนกลางคืนไม่ได้ดูทำให้เราไม่ต้องกังวล แม้ว่ากำไรอาจจน้อยไปบ้างเพราะมันอาจจะย้อนกลับมาชนการแกว่งตัวของราคา แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้น

การจัดการการเงินและแผนการเทรด

การจัดการการเงิน และ แผนการเทรด นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนสำหรับการเทรดระยะสั้น สิ่งที่ยากกว่าคือ การรักษาวินัยให้ได้ตามการวางแผนการลงทุน โดยการจัดการการเงินที่ดีที่สุดสำหรับระบบการเทรดแบบนี้ คือ การเสี่ยงทีละ 1 – 2 % เท่านั้น ขณะที่ควบคุม Risk Reward ให้ได้ใกล้เคียงกับ 1:2 ทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่างหนึ่งของแผนการเทรดคือ การทำ Journal เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง
ภาพที่ 4 – เทคนิคการเทรดระยะสั้น – Journal ควบคุมอารมณ์
ขณะที่แผนการเทรดนั้น ควรจะต้องมีการวางเป้าหมาย โดยเป้าหมาย คือการอยู่ให้รอดในตลาดให้นานที่สุด ในตลาดเราไม่รู้ว่โอกาสของเราจะมาในวันไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้คือ การอยู่รอดเพื่อให้วันที่เราจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึง นั่นคือวันที่เราสามารถทำกำไรติด ๆ กันได้ ถ้าหากอยากประสบความสำเร็จเราต้องให้ความสนใจกับ Consecutive win เพราะว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้พอร์ทลงทุนเติบโต
ภาพที่ 5 เทคนิคการเทรดระยะสั้น – แผนการเทรด
แผนการเทรดเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเติบโตในระยะยาว ซึ่งเราควรพัฒนาแผนการเทรดและปรับปรุงมันอยู่เสมอ  การพัฒนาแผนการเทรดที่ดีนั้นควรจะต้องมีหลักการและเหตุผล โดยอ้างอิงตามลักษณะปัญหาของการเทรดที่เกิดขึ้น เทรดเดอร์ต้องทำหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาของตัวเองในการแก้ไขปัญหาของตัวเอง

10 ขั้นตอนสู่การเป็นเทรดเดอร์ เทรด forex มืออาชีพตัวจริง

1.ทำความเข้าใจ forex ให้ถูกต้องเสียก่อน

อันดับแรก ต้องเข้าใจก่อนเลยนะครับว่า forex หมายถึงอะไร สำหรับ forex นั้นหมายถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราสกลุต่างๆ โดยเราในฐานะของเทรดเดอร์ forex ต้องการกำไรส่วนต่างของราคาเป็นสำคัญ ซึ่งแปลอย่างง่ายๆว่า เราต้องการกำไรจากส่วนต่างราคานั่นเอง

 แต่ถ้าย่อยความเข้าใจให้ง่ายขึ้น การเทรด forex เราทำกำไรจากการทำนายราคาของคู่เงินสกุลนั้นๆได้ว่า ในอนาคต มันจะขึ้นสูงกว่าราคาเปิด หรือต่ำกว่าราคาเปิด ยิ่งราคาวิ่งถูกทางที่เราทำนาย และไปได้ไกลเท่าไหร่ เราก็สามารถทำกำไรจากการเทรด forex ในตานั้นๆเพิ่มขึ้นเท่านั้น

 Tip! วิ่งถูกทางที่เราทำนาย = กำไร วิ่งผิดทาง = ขาดทุน



2.ศึกษาคำศัพท์ขั้นพื้นฐานต่อไปนี้

คำศัพท์พื้นฐานในการเทรด forex นั้นมีหลายคำด้วยกัน แต่ที่ควรรู้ไว้เบื้องต้นก่อนคือ

2.1 Balance คือยอดเงินที่เรามีอยู่ในบัญชีเทรด forex

2.2 Margin จำนวนเงินที่เราดึงออกมาเพื่อใช้ในการเปิด Position

2.3 Leverage เราพบค่านี้ได้เมื่อเริ่มเทรด เช่น 1:200 เป็นต้น ความหมายในที่นี้คือตัวคูณ ถ้าคุณมีเงินน้อย แต่ค่า Leverage สูง นั่นแปลว่าคุณสามารถทำกำไรได้เยอะมากขึ้น

2.4 Lot คือจำนวนของ Position ยิ่งยิงค่า Lot มากๆ คุณยิ่งทำกำไรมาก แต่ถ้าเสียก็มากเช่นกัน

2.5 Buy คือการทำนายราคาขึ้นของกราฟที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

2.6 Sell คือการทำนายราคาลงของกราฟที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 คำศัพท์บางคำก็ง่าย แต่ในขณะที่บางคำอาจยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ผมแนะนำให้ลอง จดคำศัพท์ที่เราเจอในการเทรด forex และไปขยายความหมาย ทำความเข้าใจให้ครบทุกประโยคนะครับ แล้วมันจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางการเทรดของเราให้ดีขึ้นมาก



3.ตัดสินใจว่าจะเป็นเซียนด้านไหน

คุณพร้อมจะเป็นเซียนหรือยัง? ผมเชื่อว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ ยัง(โว้ย!) ใจเย็นๆครับ แม้ว่าคุณยังไม่เป็นตอนนี้ แต่วิถีแห่ง forex จะบังคับให้คุณเลือก ว่าต้องการเป็นเซียนด้านใด โดยในการเทรด forex นั้น เราจะมีเซียนอยู่ 2 ประเภท

 3.1เซียนด้านเทคนิคพื้นฐาน และการเทรดตามข่าว

3.2เซียนด้านเทคนิคคอล หรือกราฟ

ทั้งสองเซียนนั้นต่างมีผู้ประสบความสำเร็จในตลาดมากมาย แต่ข่าวร้ายคือ คุณสามารถเลือกพัฒนา Skill ได้เพียง 1 ทางเท่านั้นครับ

 ถ้าคุณไม่ชอบกราฟที่วุ่นวาย ชอบวิเคราะห์ข่าวสาร ผมแนะนำ เซียนด้านเทคนิคพื้นฐาน

ถ้าคุณชอบกราฟ ชอบวิเคราะห์ชอบตัวเลข ผมแนะนำเป็นเซียนด้านเทคนิคคอล

ทั้งสองแบบมีวิธีฝึกปฏิบัติที่ต่างกัน แต่ใน 10 ขั้นตอนที่ผมเล่าให้ฟังนี้ คุณจะได้รับวิธีการที่เหมือนกันก่อน แล้วเมื่อชำนาญแล้ว คุณค่อยไปแยกสายเซียนของคุณออกไปครับ ดังนั้นตัดสินใจเสียในขั้นตอนนี้ว่าคุณต้องการเป็นเซียนด้านใด



4.โบรกเกอร์ที่เลือกก็มีความสำคัญ

ปัจจุบันมีโบรกเกอร์เทรด forex เป็นจำนวนมาก อาจมากกว่า 20 เจ้า ที่ Support ภาษาไทยและประเทศไทยในปัจจุบัน (2017) แต่หลักๆแล้วผมอยากแนะนำให้คุณพิจารณาโบรกเกอร์ที่ติด Top 3 ของ forex เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาจะดีที่สุดครับ อาทิเช่น FBS, XM, PEPERSTONE เป็นต้น การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว จะช่วยลดปัญหาที่ยุ่งยากตามมาในอนาคต

 TIP! เลือกโบรกเกอร์ที่สนับสนุนภาษาไทยทั้งแพลตฟอร์มและการ Support จะดีที่สุด ณ ปัจจุบัน



5.ฝึกปฏิบัติด้วยบัญชีเดโม่เสียก่อน

ภายหลังจากการสมัครเป็นเทรดเดอร์ forex แล้ว สิ่งแรกที่ผมอยากให้คุณทำคือ การทดลองเทรด forex ด้วยบัญชีเดโม่ก่อนครับ จริงๆผมว่าในปัจจุบัน คนทั้งหลายต่างละเลยกฎเกณฑ์ข้อนี้ไปอย่างมาก ส่งผลให้การเทรด forex มีปัญหา เช่นพอร์ตระเบิด หรือต้องล้างพอร์ตเป็นต้น

 ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนใหม่ ผมแนะนำให้ใช้บัญชีเดโม่ไปก่อนครับ เล่นสักประมาณ 1 เดือน โดยใช้กลยุทธ์ที่คุณเลือกมา หรือเรียนมากับ อ.สอน forex ท่านไหนก็ตาม เชื่อผมครับ แค่คุณทดสอบการเทรด forex ไปสักพัก คุณจะพบจุดผิดพลาดและแนวทางในการแก้ไข และเมื่อถึงเวลาเทรดพอร์ตจริง ผมรับรองว่าคุณจะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน



6.ฝากถอนเงินเป็นเห็นกำไร

ทุกครั้งที่คุณจะเทรด forex คุณจะต้องทำการฝากเงินก่อน ผมแนะนำให้ใช้ช่องทางการฝากเงินแบบธนาคารออนไลน์ครับ  เหตุผลคือ เดี๋ยวนี้กระบวนการฝากถอนเงินนั้น จะต้องเข้าระบบ KYC เพื่อป้องกันปัญหาการฟอกเงินครับ

 ดังนั้นหากคุณเลือกฝากเงินผ่านช่องทางเช่น บัตรเครดิต อาจทำให้ก่อให้เกิดปัญหาที่ยุ่งยากตามมา และทำให้คุณมีความรู้สึกว่าไม่อยากเทรด forex ก็เป็นได้

 TIP! ฝากเงินผ่านธนาคารออนไลน์ไทย ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดครับ



7.ตั้งค่าการเทรดให้เหมาะสม

คุณต้องตั้งค่าการเทรด และบริหารจัดการเงินหน้าตักเทรด forex ให้เหมาะสม ห้ามเทรด forex แบบการพนันนะครับ หรือนั่งเดากราฟแล้วใส่ราคามั่วๆเข้าไป โดยหวังว่ามันจะต้องถูกต้องและง่ายกว่าการพนัน!

 ในความจริงแล้ว มันยากกว่าครับ และไม่เคยมีใครสำเร็จด้วยวิธีนี้ จากประสบการณ์ของผมคือ คุณลองใช้หลักการจัดการเงินหน้าตักแบบมาติงเกลดูสิครับ แล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างแน่นอน



8.รู้หลักการ 3 หน่อเพื่อความสำเร็จ

หลักการ 3 หน่อนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ในที่นี้ผมหมายถึง ปัจจัย 3 ข้อที่คุณต้องใส่ใจและพัฒนาตลอดการเทรด forex ของคุณ ยิ่งคุณชำนาญ 3 หน่อนี้มากขึ้นเท่าใด คุณก็จะยิ่งเก่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หลัก 3 หน่อมีดังนี้

8.1 อินดิเคเตอร์ (Indicator)

8.2 การบริหารจัดการเงินหน้าตัก (Money Management)

8.3 หลักจิตวิทยา (Physiology)

 อยากเก่งเทรด forex ให้เจาะลึกลงไปที่หลัก 3 หน่อนี้ครับ เช่นเข้าใจที่มาของอินดเคเตอร์ที่คุณเลือกมาเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ, เรียนรู้วิธีการบริหารเงินหน้าตักในสภาวะต่างๆ, พัฒนาหลักการจิตวิทยาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง



9.อย่าเทรดตามอามรณ์

การเทรดตามอารมณ์เป็นอันตรายอย่างที่สุดครับ ผมเคยทดสอบด้วยตนเองครับ คืออารมณ์มันจะเกิดขึ้นจากการเดาทางของกราฟ แล้วที่สุดแล้วผลคือพอร์ตระเบิดครับ ดังนั้นผมเน้นเลยสำหรับมือใหม่ อย่าเทรดตามอารมณ์อย่างเด็ดขาด! แต่ให้เทรดตามสัญญาณของกราฟเท่านั้น



10.บันทึกสถิติของการเทรด forex ทุกครั้ง

ขั้นตอนสุดท้ายที่นักเทรด forex มือใหม่ควรทำคือ การจดบันทึกข้อมูลทางสถิติไว้ทุกครั้ง ไม่ว่าผลการเทรดของเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม จดไปเรื่อยๆนะครับ จากประสบการณ์ของผมผมแนะนำให้จดต่อไปอย่างน้อยสักราวๆ 2-3 เดือน แล้วคุณจะพบว่าจำนวนตาของการทำนายราคาที่ผิดพลาดนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด!

 แต่ถ้าคุณไม่จดผลการเทรด forex ไว้เลย คุณจะไม่มีโอกาสทราบเลยครับว่า การเทรดของคุณเป็นอย่างไร และมีพัฒนาการในการเทรด forex ที่ดีขึ้นหรือว่าแย่ลง ดังนั้น! ห้ามขี้เกียจ แต่ให้จดการเทรดทุกวันอย่าได้ขาดครับ

 ผมคิดว่าขั้นตอนทั้ง  10 ข้อในการเทรด forex นี้เป็นขั้นตอนที่ง่าย เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้นเป็นเทรดเดอร์ และต้องการสร้างอาชีพ สร้างรายได้จาก forex อย่างจริงจังครับ ผมแนะนำให้ Bookmark หน้านี้เก็บไว้ และหมั่นเข้ามาทบทวนเสมอๆ แล้วจะพบว่า ทักษะด้านการเทรด forex ของคุณพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง