วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

วิธีปั้นพอร์ตอย่างยั่งยืน


     ปีแรกเทรดเดอร์หน้าใหม่คิดว่า ตนเองสามารถทำกำไรได้ครั้งใหญ่เพื่อพลิกชีวิตในตลาดนี้ แต่สุดท้ายเราจะเห็นว่า เกือบทุกคนจะได้รู้จักกับคำว่า "ล้างพอร์ต"
ผมเองก็เช่นกัน จึงมีคำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์ที่เข้าใหม่ในวงการนี้ คือ
     ปีแรกของการลงทุน ควรใช้เงินลงทุนเพียง 10-30% เพื่อ เก็บประสบการณ์ ไม่ให้ตนเองขาดทุนหนัก เพราะถ้าขาดทุนหนักจะต้องออกจากตลาด และการเรียนรู้พัฒนาจะขาดความต่อเนื่อง
     เป้าหมายคืออยู่ในตลาดได้ยาวนาน สมมติ ตัดสินใจลงทุน 100,000 บาท ลงทุนเทรดจริงเพียง 10,000-30,000 บาท เนื่องจาก สถิติ 95% จะขาดทุนในปีแรกเกือบทั้งหมด เพราะฉะนั้น เราควรป้องกันการขาดทุนให้ต่ำที่สุด 
---------------------------------------------------------------------

ลงทุนปีแรก : เราควรศึกษาเบสิคทั้งหมดจากแหล่งความรู้ต่างๆเช่น หนังสือ อินเตอร์เนท สัมนา ผู้มีประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทางในการเทรด และนำมาทดลองใช้ เก็บประสบการณ์ ฝึกฝนวินัย ควบคุมจิตใจ ศึกษาสภาพตลาด เพื่อปูพื้นฐานตนเองให้แน่นเสียก่อน เพราะต่อให้พลาดอย่างไร เราก็จะไม่หมดตัว ยังเหลือเงินให้เราอยู่ในเกมต่อไป
[วัดผลปีแรก ] ลงทุน12เดือนไม่ติดลบเกิน 30%
---------------------------------------------------------------------
ลงทุนปีที่สอง : นำวิธีการพื้นฐานที่ศึกษาจากแหล่งศึกษาทั้งหมด มาพัฒนาให้ดีขึ้น หรือ สร้างระบบเทรดของตนเอง เนื่องจากเทรดเดอร์แต่ละคนมีสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน เราต้องหาจุดแข็งของเราให้เจอ และพัฒนาจุดนั้นให้เราเป็น ผู้เชี่ยวชาญ ในสไตล์ที่เราถนัด และสร้างกำไรเพื่อดึงออกมาใช้จ่าย
โดยใช้เงินที่คิดจะลงทุน 80-100% มาลงทุน ถ้าขาดทุน -20% จะทำการหยุดวิธีการเทรดนั้น และ หาวิธีใหม่เพื่อทำกำไร แปลว่าเรามีโอกาสผิดพลาด 5 ครั้ง
[วัดผลปีสอง] กำไรเฉลี่ยต่อเดือน 5% จากการลงทุน 12 เดือน , ค้นหาสไตล์การเทรดของตนเองเจอ
---------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : ถ้ามีทุนมากพอ ปีที่ 2 สามารถทำ Port รายปี , รายเดือน . รายวัน พร้อมกันได้ แต่จำเป็นต้องมีระบบเทรดมากพอ เพื่อกระจายความเสี่ยง และมี Money Management ที่ซับพอร์ตระบบเทรด ให้Max Drawdown เงินลงทุนรวมทั้ง3พอร์ต- ไม่เกิน 10%
------------------------ตัวอย่างการปั้นพอร์ต-------------------
นาย A มีความต้องการทำกำไรเดือนละ 20% ทุกเดือน นายAมี 200,000 บาท จึงได้รับเงินเดือนละ 40,000 บาทตลอดไป
นาย B มีความต้องการเงิน 30,000 บาทต่อเดือน แต่นายBมีทุนเพียง 100,000 บาท แปลว่า นาย B ต้องทำกำไรให้ได้ถึง 30% ที่จะทำได้ตามเป้าหมาย
นาย B เข้าใจในกฏของ High Risk High Return ยิงทำกำไรมากเท่าไหร่ เราก็จะต้องเสี่ยงมาขึ้นตามไปเท่านั้น นาย B รับความเสี่ยงมากกว่า -20% ไม่ได้
นาย B จึงเลือกที่จะเดินอย่างๆช้า แต่มั่นคง ไม่รีบรวย เขาจึงยังไม่ออกจากงาน แต่เขากลับอดทน 1-3 ปี เพื่อฝึกทักษะ และ เก็บประสบการณ์ พร้อมกับปั้นเงินให้โตยิ่งขึ้น
[ นาย B ตั้งเป้าหมายทำกำไร 50% ต่อปี พร้อมกับนำโบนัสสิ้นปีมาเติมพอร์ต 100,000 บาททุกสิ้นปี ]
ปีที่หนึ่ง : 100,000 บาท -> กำไร50% -> Balance 150,000 บาท + โบนัสบริษัท 100,000 บาท = Balance 250,000 บาท
ปีที่สอง : 250,000 บาท ->กำไร50% = Balance 375,000 บาท + โบนัสบริษัท 100,000 บาท = Balance 475,000 บาท
ปีที่สาม : 475,000 บาท -> กำไร50% = Balance 712,500 บาท + โบนัสบริษัท 100,000 บาท = Balance 825,000 บาท
---------------------------------------------------
สรุป : นาย B ไม่รีบร้อนออกจากงาน เขาเลือกที่ทำเงินให้โตก่อน เพราะเขาเข้าใจว่า มีเงินมากย่อมได้เปรียบกว่าคนมีเงินน้อย
นาย B เลือกที่จะลาออกเมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 นาย B มีเงินทุนถึง 825,000 บาท เขาต้องการเงินเดือนละ 30,000 บาท
เพราะฉะนั้น : นาย B จะทำงานง่ายขึ้นและความเสี่ยงต่ำลงเพราะเขาเพียงทำกำไรให้ได้เพียงแค่เดือนละ 3.6% เพียงเท่านั้น
[ เปรียบเทียบผลตอบแทน ต่อ การทำงานที่น้อยลงของนายB]
ปีหนึ่งต้องการสร้าง CashFlow หรือ CF ให้ได้เดือนละ 30,000 บาทต้องทำกำไรให้ได้เดือนละ 30%
ปีที่สองต้องการสร้าง CF ให้ได้เดือนละ 30,000 บาท ต้องทำกำไรให้ได้เดือนละ 12%
ปีที่สามต้องการสร้าง CF ให้ได้เดือนละ 30,000 บาท ต้องทำกำไรให้ได้เดือนละ 6.3%
ปีที่สี่ต้องการสร้าง CF ให้ได้เดือนละ 30,000 บาท ต้องทำกำไรให้ได้เดือนละ 3.6%
---------------------------------------------------
คุณคิดว่า ระหว่างนาย A ที่ต้องทำ 20% ในทุกๆเดือน กับ นายB ที่ทำงานน้อยลงขึ้นทุกปี และความเสี่ยงต่ำลงขึ้นทุกปี คุณคิดว่าใครจะยั่งยืนกว่ากัน
Port รายเดือน : อย่าหวังให้มันโตเพราะเดียวก็ถอนมาใช้ ทำให้พอร์ตรายเดือนงานมันง่ายเข้าไว้ [รายรับ>รายจ่าย]
"ถ้าคิดจะสร้างเนื้อสร้างตัว จงนำเงินไปทำ Port รายปีที่ความเสี่ยงต่ำกว่า แต่กำไรสูง"
---------------------------------------------------

"เรายอมเสียเวลา1ปีเพื่อฝึกฝน แต่ถ้าเราทำกำไรได้ ชีวิตที่เหลือเราจะทำได้ทั้งชีวิต"
ปัจจุบัน : เทรดเดอร์อายุ 30 ปี อายุขัยคือ 80 ปี เราเสียเวลาปั้นพอร์ตเป็นเวลา 2 ปีในพอร์ตรายปี ถ้าเราทำได้แปลว่าเราสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอได้แล้ว
ในปีที่สองเทรดเดอร์จะเริ่มสร้าง CF ได้อย่างมั่นคง ในอีก 48 ปีที่เหลือในชีวิต เพราะฉะนั้น : เวลา 2 ปีที่เสียไปในการฝึกฝน และปั้นพอร์ต มันน้อยมากๆ กับเวลาที่เหลือที่จะทำไรตลอดไปทั้งชีวิต
---------------------------------------------------
"คุณไม่จำเป็นต้องรีบเลยเพราะเส้นชัยไม่เคยหนีไปไหน" มีแต่ตัวเราที่ยอมแพ้ แล้วเดินออกจากสนามไปเอง

"Indicator Trading" แนะนำหนังสือพัฒนาต่อยอดสู่การสร้างระบบเทรดของตนเอง



เหตุผลที่ควรขาดทุนต่ำ


"เทรดเดอร์ก็เหมือนนักกีฬา" หลายคนเข้ามาในตลาด Forex แต่ก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องได้
สาเหตุหลักๆมาจาก : ขาดทุนสูง หรือ ล้างพอร์ต
เนื่องจากการล้างพอร์ต หรือ ขาดทุนหนัก จะมีผลกระทบกับจิตใจค่อนข้างรุนแรง จนทำให้เราขาดความมั่นใจในตนเอง อาจถึงขั้นหยุดเทรดไปสักพัก
หรือบางคนล้างพอร์ตจนทุนไม่เหลือ เลยต้องกลับไปทำงาน พาร์ทไทน์ หรือ งานประจำ เพื่อเติมเงินกลับมาเทรดได้อีกครั้ง
ในระหว่างที่เราหยุดเทรดนั้น ความสามารถของเราไม่ได้หยุดตามเวลาที่เปลี่ยนไป แต่ทว่า ความสามารถของเราจะค่อยๆลดลง ไปเรื่อย ๆ เหมือนอย่างการเล่นกีฬาที่พักรักษาตัวเป็นเวลานานๆ
เราลองมานึกภาพนักกีฬาคนนึง หรือ ตัวเราเองก็ได้
ปัจจุบันเรามีความสามารถทางกีฬาระดับ 7 / 10 ต่อมาเราแอบหนีเที่ยว ขี้เกียจซ้อม หรือ บาดเจ็บพักรักษาตัว เป็นระยะเวลา 3 เดือน
คุณว่านักกีฬาคนนั้นจะมีความสามารถเท่าเดิมหรือไม่ ?
แน่นอน... ไม่เหมือนเดิม แถมความสามารถลดลงอีกเสียด้วยซ้ำ อาจจะย้อนกลับไปอยู่ระดับ 5 / 10 อีกครั้ง
แต่ก็ยังมีข้อดีคือ เราเคยมีประสบการณ์ ระดับ 7 มาแล้วการที่ระดับ 5 จะมากลับมาระดับ 7 อีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเหมือนแต่ก่อน
เปรียบดั่งเทรดเดอร์ ที่หยุดการเทรด เพราะท้อแท้ หรือ บาดเจ็บหนัก จึงทำให้การเรียนรู้ของเขาไม่ต่อเนื่องเหมือนดั่งนักฬานั้นเอง
สิ่งแรกที่เทรดเดอร์หน้าใหม่ควรทำ คือ
Port รายปี : เนื่องจาก พอร์ตรายปี นั้นสามารถทำกำไรด้วย ดอกเบี้ยทบต้นได้ ด้วยจำนวน Order การเทรดระยะยาว ในปริมาณที่มากพอ
เทรดเดอร์หน้าใหม่ หลายคนพลาดตรงที่รีบดึง Cashflow ออกจากตลาด หรือ ทำกำไรเพื่อถอนเงินเป็น Port รายวันในทันที
เพราะ Port Cashflow นั้นบริหารความเสี่ยงได้ยากกว่า Port รายปีส่วนใหญ่ Port CF จึงมี ความเสี่ยงสูงกว่า Port ดอกเบี้ยทบต้น เป็นส่วนใหญ่
สรุป : ถ้าคุณยังทำกำไรต่อเนื่อง เป็นพอร์ตรายปีไม่ได้ อย่าพึ่งทำพอร์ต Cashflow เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น จึงมีโอกาสที่จะทำให้คุณต้องถอนตัวออกจากตลาดมากขึ้น ตามไปด้วย
การถอนตัวออกจากตลาด ในบางครั้งเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าให้นานเกินไป เพราะสุดท้ายแล้ว
"ความต่อเนื่อง" มีความสำคัญมากกว่า การที่เราทำอะไรเป็นบางครั้งคราว ในทุกๆเรื่อง
เพราะฉะนั้น : เป้าหมายแรกของเทรดเดอร์หน้าใหม่คือ
" Port รายปี ความเสี่ยงต่ำ " คุณอาจจะไม่ต้องทำกำไรมากมาย แต่เป้าหมายของเราคือ การเก็บประสบการณ์ เพื่อเรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมตลาด
เรายอมเสียเวลา 1 ปี เพื่อเรียนรู้ และ ฝึกทักษะจนหาสไตล์และสร้างวิธีการเทรดของตนเองเจอ แล้วถ้ากำไรได้ เราก็จะทำกำไรได้ไปทั้งชีวิต
"ชีวิตไม่ต้องรีบ เสียเวลา 1 ปี เพื่อฝึกซ้อมรักษาพอร์ต เมื่อทำได้แล้วค่อยสร้าง CashFlow กับชีวิตที่เหลืออีก 50-80 ปี "

10 วิธีเล่น forex ให้ได้มากกว่าเสีย


วิธีสมัครคลิ๊ก
ขอบคุณ Forex Tips Thailand

ตารางเวลาเทรด forex สกุลเงินต่างๆ


  • ตลาด Forex เปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ มี 3 รอบ ที่รวมปริมาณซื้อขายมากที่สุด ได้แก่ ลอนดอน, นิวยอร์ค และโตเกียว ระหว่างชั่วโมงทำการของวัน รอบต่าง ๆ มีความเหลื่อมกัน ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีโอกาสในการซื้อขายได้ดียิ่งขึ้น คุณควรติดตามเวลาเปิดทำการ ที่เป็นตลาดหลักเพราะชั่วโมงแรกหลังจากที่ตลาดเปิด จะมีนัยสำคัญ และ ในแต่ละช่วงชั่วโมงทำการซื้อขายที่เหลื่อมกัน จะทำให้สภาพคล่องมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพราะมีเทรดเดอร์จำนวนมากเข้าร่วม

    เมื่อมีการซื้อขายปริมาณมากๆ กราฟก็จะวิ่งตามกลไกตลาด ทำให้เราสามารถเข้าทำกำไรได้
    ในตารางด้านบนเราจะเห็นว่าในช่วงเช้าเวลาในไทย (7:00 - 12:00) สกุลเงินที่ตลาดเปิดซื้อขายมีสกุลเงิน JPY กับ AUD ในช่วงนี้ กราฟสกุลเงินทั้งสองก็จะวิ่งมากกว่าเวลาอื่น

    เช่นเดียวกัน ช่วงเย็นเวลาในไทย (19:00 - 22:00) ตลาดทางฝั่งยุโรปเปิดซื้อขาย กราฟสกุลเงินของ USD,EUR,GBP ก็จะวิ่งในช่วงนี้มากกว่าเวลาอื่นเช่นกัน

Black King Indicators


ระบบนี้ใช้ได้กับทุกค่าเงิน(all Currency) และทุกเวลา (All Time Frame) แต่เจ้าของระบบแนะนำให้ใช้กับ GBP/USD . EUR/USD , GBP/JPY และ GBP/CHF ใช้กับ time frame 30 นาที และ 1 ชั่วโมง
-เครื่องมือและอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในระบบนี้
1.Heiken Ashi Bar ( Price Average Bar) ใช้เพื่อบอกสัญญาณออกให้กับเรา เพื่อป้องกันการหลอกจาก อินดิเคเตอร์
2.SMA 5 ใช้สองเส้น โดยที่ Apply high , และ Apply low ใช้เพื่อดูรูปแบบ Flat (ลักษณะของกราฟที่ขนานราบไปกับพื้น ) ซึ่งเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก อาจจะไปทางใดทางหนึ่ง
3.Trader Dynamic Index ทั้งหมดที่อยู่ในอินดิเคเตอร์ตัวนี้ จะบอกถึงแนวโน้ม การแกว่ง ความผันผวน ของตลาด นอกจากนี้ยังใช้ดูเวลาในการเข้าเทรดและออกจากออเดอร์
4.QQE เป็นอินดิเคเตอร์รอง ที่ใช้ในการดูสัญญาณเข้า-ออก อีกที

Trader Dynamic Index ประกอบด้วย
1. Relative Strength Index ( RSI Price Line ) เส้นสีเขียว
2.Trade Signal Line เส้นสีแดง
3.Market Base Line เส้นสีเหลือง
4.Volatility Band เส้นสีน้ำเงิน ใช้บอกช่วง(range)การขึ้นลงของตลาด

การเข้าซื้อ (Buy entry)
1.เส้นราคา RSI ตัด และยืนอยู่เหนือ เส้น Market Base Line และ เส้น Trade Signal Line จากข้างล่างขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50-68 และเป็นกำลังจะเปลี่ยนเป็นเทรนขึ้น
2. Heiken Ashi ต้องเป็นสีเขียวและต้องปิดบนช่อง SMA 5
3. SMA 5 ต้องมีแนวโน้มขึ้น มีความชันเป็นบวก
4. QQE Alert value 1 ตัด QQE Alert value 3 จากด้านล่าง
อาจจะพิจาณาที่จะทำการเข้า ถ้า RSI ตัด Volatility Band ขึ้นไปข้างบน แต่ก็ต้องเตรียมตัวออก เมื่อราคาวิ่งลง

การขาย ( Sell entry)
1. เมื่อ RSI ตัดกับเส้นและอยู่ด้านล่างเส้น Market Base line และ Trader Signal Line อยู่ระหว่าง 32-50 และกำลังเป็นเทรนลง
2.Heiken Ashi เป็นสีแดงและปิดต่ำกว่าช่อง Sma 5
3. ช่อง SMA 5 กำลังจะเป็นเทรนลง
4.QQE Alert value 1 ตัดกับ QQE Alert value 2 จากด้านบน
อาจจะพิจารณาที่ทำการเข้า ถ้าRSI ตัด Volatility Band ลงมา แต่ก็ต้องเตรียมปิด เมื่อราคาขึ้น

การปิดออเดอร์ Buy
เลือกเอาข้อใดข้อหนึ่ง
1.แท่ง Heiken Ashi Bar สั้นกว่าแท่งก่อนหน้านั้นมากๆ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
2. แท่ง Heiken Ashi ปิดอยู่ในช่องของ SMA 5
3.เส้น RSI กำลังจะตัดกับเส้น Trade Signal Line จากด้านบน หรือไม่ก็ มันจะอยู่เหนือระดับ 68
4.QQE Alert value 1 กำลังจะตัด QQE alert value 3
5. ออเดอร์ บวกมากกว่า 50-100 ก็ปิดได้เลย

การออกจากการ Sell
เลือกเอาข้อใดข้อหนึ่ง
1. แท่งHeiken Ashi Bar สั้นกว่าแท่งก่อนหน้านี้ มากๆ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวไปเลย
2. แท่ง Heiken Ashi กำลังจะปิดอยู่ใน ช่อง SMA 5
3. เส้น RSI กำลังตัดเส้น Trade Signal ด้านล่าง หรือไม่ก็ มาอยู่ที่ระดับ 32
4. QQE alert value 1 กำลังจะตัด QQE alert value 3
5. ออเดอร์ บวกมากกว่า 50-100 ก็ทำการปิดเอากำไรได้เลย

ขอขอบคุณ Black King ที่พัฒนาระบบเทรดนี้ขึ้นมาให้กับพวกเราชาวเทรดเดอร์

Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com Black King Indicators | Forex Trading Blog สอนเทรด Forex - แหล่งศึกษาข้อมูล Forex และสอน Trade Forex แบบมืออาชีพ
Under Creative Commons License: Attribution

4 Hour Strategy (MACD)

ระบบเทรด 4 Hour Strategy (MACD) ระบบนี้เป็นระบบหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เทรดเดอร์หลายคนคงรู้จัก ระบบเทรดนี้เป็นของ ท่าน Phillip Nel ซึ่งเขาได้ศึกษาฟอเร็กมาเป็นระยะเวลามากกว่าสิบปี และทดลองระบบนี้มากว่า 2 ปี ผลการทดสอบมากกว่า 200 ครั้ง สามารถทำกำไรได้มากกว่าเดือนละ 300 จุด ไม่เคยเสียติดต่อกันถึงสองครั้ง และไม่เคยใช้สต๊อบลอสมากกว่า 50จุด
ระบบเทรดนี้ เขาแนะนำให้ใช้แค่สองคู่เงินเท่านั้น คือ EUR/USD และ GBP/USD ใช้กับ Time Frame 4 H
ระบบนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง
- Moving Average
1. 365 Exponential Moving Average (365EMA)
2. 200 Simple Moving Average (200SMA)
3. 89 Simple Moving Average (89SMA)
4. 21 Exponential Moving Average (21EMA)
5. 8 Exponential Moving Average (8EMA)
ปรับสีได้ตามใจชอบ


- MACD ตั้งค่าที่ 5 - 13 - 1
1. Fast EMA 5
2. Slow EMA 13
3. MACD EMA 1

-Horizontal Lines: เพิ่ม Level ใน MACD
1. Level +0.0015
2. Level +0.0030
3. Level +0.0045
4. Level –0.0015
5. Level –0.0030
6. Level –0.0045



4H MACD PRICE MOVEMENT RULES

1. ในการดูราคาในจุดที่จะ trade ควรดูสิ่งนี้ควบคู่กันด้วย (ทุกครั้ง )
1.1 Moving Average, Trend line, แนวรับ แนวต้าน และตัวเลขจิตวิทยา (พวกเลข 00, 200.00, 1.50, 100.00)
1.2 แล้วมาดู MACD signal เพื่อเป็นการ confirm ในการเทรด

2. ทำการบ้านเยอะๆ เกี่ยวกับ price movement หรือ Market rhythm เช่น print graph 4hr ย้อนหลัง 1 ปีมานั่งปิดแล้วดูแล้ววิเคราะห์แท่งเทียนถัดไป

3. ห้ามเทรด MACD ทุก Signal

4. อย่ากระโดดเล่นหลายคู่
4.1 ควรเล่นไม่เกิน 3 pair (ทุกวันนี้ผมยังคงเล่นแค่ 2 pair) และเล่น pair ที่ชอบและคุ้นเคยกับเรา ถ้าเราเล่นหลาย pair เราจะเสียโอกาสในการเปิด position เดิมที่ควรจะได้ คือถ้าเล่นเยอะ % ที่จะถูกมันก็น้อยลง การเล่นมันย่อมมีผิดพลาด ถ้าเราผิดตัวนี้แล้วเราไปเล่นตัวอื่น เราก็จะพลาดตัวอื่นต่อ ในขณะที่รอบหน้าของตัวแรกที่พลาดอาจจะถูก แต่เราไม่ได้เทรดมัน เทรด 10 ครั้งควรจะถูก 6-7 ครั้งแต่ถ้าเราโดดไปตัวอื่น ทีนี้เราก็จะไม่ได้ 10:6 หรือ 10:7 แล้ว

5. ดูที่อารมณ์ตลาด(Market emotion) – รูปแบบที่แน่นอนของแท่งเทียน
6. ดูจังหวะตลาด(Market Rhythm) และ trend line
7. R:R (Risk reward ratio) ควรเป็น 1:1 ขึ้นไป เช่น Reward 50 Stoploss ไม่เกิน 50

8. เมื่อราคาผ่านเส้น 89SMA มันจะกลับมาหาเส้น 21EMA
8.1 เมื่อราคาวิ่งทะลุ 89SMA แล้วเส้น 21EMA อยู่ข้างบน 89 ราคาจะวิ่งกลับมาหาเส้น 21EMA
8.2 ถ้าไม่กลับไปหาเส้น 21EMA มันจะวิ่งกลับหา 89SMA หรือ 8EMA แทน ก่อนที่มันจะวิ่งต่อไป

9. เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านเส้น 200SMA มันจะวิ่งกลับหาตัวมันเอง (200SMA) ก่อนที่จะวิ่งต่อไป

10. เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านเส้น 21EMA แล้วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้น 21EMA อีกทีก่อนที่จะวิ่งไปหาเส้น 8EMA หรือ89SMA

เสริมนะครับ(26 กรกฎาคม 2553)
ระบบนี้จะใช้ได้ดีต้องใช้ MACD ในการดูประกอบเพื่อหาจังหวะเข้าออเดอร์นั้น ต้องดูรูปแบบของ MACD (Pattern MACD) นะครับ รูปแบบของ MACD มีดังนี้ครับ
1.RT-Round
2.RB-Round Bottom
3.AT-Aggressiav Turnaround
4.TC-Trend Continuous Pattern
5.ZB-Zero Break
6.BOZ-Bounce Off Zero
7.H&S-Head And Shoulder
8.LH-Lower High
9.HL-Higher Low
10.DT-Double Top
11.DB-Double Bottom
ดูรูปด้านล่างเลยนะครับ


จากรูปด้านบนเราจะเห็นลักษณะต่างๆของ MACD หรือเราอาจจะเรียกว่าตัวสัญญาณก็ได้ จะมีจุดวงกลมเล็กๆ ที่ Bar ของ MACD นั่นแหระครับ เป็นสัญญาณเข้า

DOWNLOAD
ในโฟลเดอร์นี้จะมีทั้งหมด 4 ไฟล์ เป็นไฟล์ ให้นำไฟล์ที่ชื่อ 4H_MACD_FX_Strategy.mq4 และ MACD_color_V103.mq4ไปใส่ไว้ใน My COmputer >>DIsk C>>Programfiles>>>Instatrader(ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกใช้โปรแกรมเทรด Mt4 ของโบรกไหน )>>>Experts>>>Indicators แล้วก็ วาง สองไฟล์นี้ ลงไปครับ จากนั้นให้ปิดโปรแกรมเทรดเอ็มทีโฟ แล้วเปิดใหม่อีกที
เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วไปที่ Insert >>Indicators >>Custom >>> แล้วก็เลือกไฟล์ 4H_MACD_FX_Strategy.mq4 และ MACD_color_V103.mq4 ขึ้นมาครับ
ขอขอบคุณที่มา
ท่านPhillip-Nel http://www.forexfactory.com/showthread.php?t=14630
และ Mr.Currency จาก http://thailandinvestorclub.com/index.php?topic=763.0

Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com 4 Hour Strategy (MACD) | Forex Trading Blog สอนเทรด Forex - แหล่งศึกษาข้อมูล Forex และสอน Trade Forex แบบมืออาชีพ
Under Creative Commons License: Attribution