วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2566

รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)

 ในบทความนี้ ผมยังจะกล่าวถึงรูปแบบแท่งเทียนที่เป็นรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของราคาจากขาขึ้นเป็นขาลง...ขึ้นมาทั้งเดือน แต่ถึงเวลาลง ลงแค่ 3 วัน!


Evening Star
ลักษณะของแท่งเทียนในรูปแบบนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียนจำนวน 3 แท่ง แท่งแรกเป็นแท่งขาขึ้น แท่งที่สองจะเป็นแท่งขาขึ้นที่มีปริมาณการซื้อขายเพียงเล็กน้อย หรือ แสดงถึงกำลังซื้อเริ่มหมดลง แท่งที่สามจะเป็นแท่งขาลงซึ่งมีแรงขายมากกว่าหรือเท่ากับแท่งแรก หากเจอรูปแบบนี้ เราสามารถทำการ Short Sell ได้ทันที หรือออกจากฝั่ง Buy ไปก่อน เพื่อรอดูทีท่าของราคา  รูปแบบนี้จะใช้ได้ผลในไทม์เฟรมใหญ่ๆ ตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป





Evening Doji Star
ลักษณะของแท่งเทียนประเภทนี้จะมีความคล้ายกับ Evening Star อยู่มาก แต่มีสิ่งที่แตกต่างอยู่เพียงเล็กน้อยคือ แท่งที่สองจะเป็นไม้กางเขนหรือเครื่องหมายบวก ซึ่งบ่งบอกว่า ราคาเปิดและราคาปิดของแท่งอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน และต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนแท่งที่สาม ในการเทรด ให้เรารอแท่งเทียนแท่งที่สามยืนยันก่อน หากแท่งเทียนแท่งที่สามมีความยาวมากๆ ก็จะเป็นสัญญาณยืนยันที่ชัดเจน สามารถเทรด Short Sell ได้ทันที





Three Black Crow
ลักษณะของแท่งเทียนประเภทนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงทั้งสามแท่ง เรียงต่อกัน บางทีอาจจะเรียงตามลำดับความยาวของตัวแท่ง จากสั้นไปยาว หรือ จากยาวไปสั้น หรือขนาดเท่ากันทั้งหมดสามแท่ง ซึ่งบอกความหมายว่า เทรนขาลงกำลังจะมา และแรงด้วย ห้ามสวนเด็ดขาด เพราะโอกาสเสียตังค์มีสูง หากเจอแท่งเทียนในลักษณะนี้ให้ตามอย่างเดียวกัน หรืออาจจะใช้รูปแบบของแท่งเทียนประเภทนี้ เป็นสัญญาณยืนยันร่วมกับรูปแบบอื่นๆได้






รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)

 ในบทความนี้ยังคงพูดถึงแท่งเทียนที่เป็นรูปแบบของ Bearish Candlestick Pattern รูปแบบแท่งเทียนทีบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง


Bearish Harami Cross 
ลักษณะของแท่งเทียนประเภทนี้จะมีแท่งไม้กางเขนหรือเครื่องหมายบวกอยู่ระหว่างกลางของแท่งเทียนขาขึ้นที่มีขนาดใหญ่ในช่วงก่อนหน้านั้น บ่งบอกถึงกำลังซื้อของนักลงทุนในเวลานั้นเบาบางลง และมีแรงขายเข้าในระ
ดับหนึ่ง ทำให้แท่งเที่ยนมาเปิดที่ตรงกลางแท่ง  ราคาปิดและราคาเปิดของแท่งเทียนในรูปแบบนี้จะเท่ากัน เพราะยังไม่สามารถที่จะเลือกทิศทางได้ ต้องดูที่ขนาดของหางแท่งเทียนอีกที หากหางด้านบนของแท่งเทียนมีความยาวมากกว่าด้านล่าง นั่นหมายความว่า แรงขายมีมากกว่าแรงซื้อ แต่หากหางด้านล่างมีมากกว่าด้านบน แสดงว่า แรงซื้อยังเยอะอยู่ วิธีการเทรดกับรูปแบบของแท่งเทียนประเภทนี้ ต้องรอให้เกิดสัญญาณขาลงจากแท่งเทียนอีกแท่ง จึงจะตัดสินใจทำกำไรในทิศทางขาลง



Dark Cloud Cover
รูปแบบนี้พบบ่อยในกราฟทั่วไป และจะมีความสำคัญมากในกราฟที่อยู่ในไทม์เฟรมสูงๆ ลักษณะของแท่งเทียนประเภทนี้คือ จะมีแท่งสีดำลงมากลืนกินเกินระยะครึ่งแท่งของแท่งเทียนก่อนหน้านั้น บ่งบอกถึงแรงขายที่กำลังมหาศาล กำลังจะเกิดกับตลาด ให้นักลงทุนระวังการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง รูปแบบนี้จะค่อนข้างใช้ได้ผลกับกราฟในตลาดฟอเร็กซ์ เพราะให้สัญญาณที่ชัดเจน และสามารถใช้เป็นสัญญาณยืนยันร่วมกับรูปแบบแท่งเทียนอื่นๆได้






Bearish Engulfing
ลักษณะของแท่งเทียนในรูปแบบนี้ จะมีแท่งเทียนขาลงที่มีแรงขายเยอะมาก จนสามารถครอบคลุมหรือกลืนกินแท่งเทียนก่อนหน้านั้นที่เป็นแท่งเทียนขาขึ้น  รูปแบบนี้พบบ่อยในกราฟทั่วไป และเป็นรูปแบบที่ใช้ได้ผลมากๆ ถ้าให้ผมเทียบระดับความแม่นยำ รูปแบบนี้ถือว่าเป็นรุปแบบการกลับตัวที่มีความแม่นยำมากที่สุด   รูปแบบของแท่งเทียนประเภทนี้สามารถใช้เป็นสัญญาณยืนยันให้กับรูปแบบแท่งเทียนอื่นๆได้  หากเจอรูปแบบนี้ เข้าได้เทรดได้เลยครับ








ตัวอย่างของแท่งเทียน Bearish Engulfing

แท่งเทียนในรูปแบบขาลงจะมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่ารูปแบบในแท่งเทียนขาขึ้น หากเราเป็นนักเก็งกำไรในตลาดฟอเร็กซ์และพบว่า กราฟในวลานั้นเป็นขาลง อย่าสวนเด็ดขาด ท่านอาจจะติดดอย  รูปแบบของแท่งเทียนจะใชได้ผลก็ต่อเมื่อเราได้ใช้ควบคู่กับแนวรับแนวต้านที่มีความสำคัญ เช่นแนวรับและแนวต้านที่เป็นจุดสูงสุดและต่ำสุดเก่าๆ ..ขอให้ทุกท่านโชคดี 

คลิ๊กสมัครEXNESSได้เลย

สมัครตัวทดลองฟรี+เงินไม่จำกัด

รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)

 ในบทความนี้จะกล่าวถึงรูปแบบแท่งเทียนที่เป็น Bearish Candlestick ซึ่งแสดงถึงรูปแบบของแท่งเทียนที่แสดงการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend)


Gravestone Doji
รูปแบบของ Gravestone เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของแท่งเทียนแบบ Doji  ลักษณะของแท่งเทียนจะเป็นคล้ายๆกับตัวอักษร T คว่ำหัวลง ความหมายของราคาคือ มีแรงขายมากกว่าแรงซื้อในช่วงท้ายๆของตลาด และทำให้ราคาปิดมาปิดที่ราคาต่ำสุดพอดี จึงกลายเป็นรูปแบบของ Gravestone Doji หากเจอรูปแบบนี้ ให้พิจารณาคำสั่ง Buy ที่เปิดไว้ เพราะตลาดอาจจะเกิดการพักตัวก่อน การกลับตัวจะยังไม่เกิดในรูปแบบนี้ จะต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป แต่หากหางของแท่ง Gravestone Doji มีความยาวมากๆ ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้มไปเลยก็ได้





Hanging Man
เมื่อราคาขึ้นมาเรื่อยๆ จนเรามองว่า แรงซื้อในตลาดเริ่มอ่อนแรงลงจนมีแรงขายเข้ามาในบางช่วงเวลา ลักษณะของแท่งจะมีตัวแท่งเล็กๆอยู่ด้านบน และจะมีหางของแท่งอยู่ด้านล่าง ซึ่งความยาวของหางด้านล่างจะยาวประมาณ 2-3 เท่าของตัวแท่ง อาจจะเป็นสีขาวหรือสีดำก็ได้ (ราคาปิดอาจจะอยู่เหนือราคาเปิด หรือราคาปิดอาจจะอยู่ต่ำกว่าราคาเปิด) ความหมายของ Hanging Man คือ ราคาอาจจะมีการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง หรือมีการพักตัวเกิดขึ้น




Bearish Harami
ลักษณะของแท่งเทียนประเภทนี้จะเป็นแท่งสีดำเล็กๆซึ่งมีแรงขายเพียงเล็กน้อยๆ เกิดอยู่ในระหว่างแท่งสีขาวซึ่งมีแรงซื้อเยอะมาก รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการพักตัวของแนวโน้มขาขึ้น  ต้องรอการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป








รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)

 รูปแบบสภาวะตลาดขาลง ( Bearish Pattern)

ในบทความนี้ ผมจะพูดถึงรูปแบบแท่งเทียนในสภาวะหมี (Bearish) หรือสภาวะตลาดขาลง รูปแบบแท่งเทียนที่เป็น Bearish Pattern จะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะตลาดขาขึ้นเป็นตลาดขาลง หรือเปลี่ยนจากสภาวะการปรับตัวขึ้นในแนวโน้มขาลงแล้วลงต่อ  ซึ่งเราสามารถใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ทีบ่งบอกสภาวะที่มีแรงซื้อเยอะเกินไป Overbought ได้ อย่างเช่น RSI และ Stochatic

Long Black Candlestick
แท่งเทียนในลักษณะนี้จะมีลักษณะเป็นแท่งขาลงยาวๆ ซึ่งบ่งบอกถึงแรงขายที่มีเข้ามาอย่างมหาศาล เราอาจจะใช้แทนเป็นแท่งสีดำหรือเป็นแท่งสีแดงก็ได้ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นสภาวะตลาดขาลง  ราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนจะอยู่ห่างกันมา  ราคาสูงสุดและราคาเปิดจะอยู่ใกล้กันและราคาต่ำสุดกับราคาปิดจะอยู่ใกล้กัน  หากเราเจอแท่งเทียนในลักษณะนี้อย่าสวนเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะติดดอยได้  Long Black Candlestick มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Bearish Strong move เจอเมื่อไหร่ เทรนขาลงมาทันที




Long Upper Shadow
แท่งเทียนในลักษณะนี้จะมีตัวแท่งเป็นสีขาวหรือสีดำก็ได้ แต่ลักษณะเด่นที่สำคัญคือ มีหางของแท่งเทียนอยู่ด้านบน และมีขนาดยาวกว่าตัวแท่งประมาณ 2-3 เท่า  ความหมายของแท่งนี้คือ จะมีแรงซื้อขายในช่วงแรกสูงมาก แต่เมื่อใกล้จะปิดแท่ง จะมีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ จึงทำให้ราคาลงมาปิดใกล้กับจุดต่ำสุด หากเจอแท่งเทียนลักษณะนี้ให้เข้า Sell ได้ทันที หรืออาจจะเป็นสถานะ Buy ก่อน เพราะอาจจะบ่งบอกการพักตัว





Shooting Star
แท่งเทียนลักษณะนี้จะคล้ายๆแท่งเทียนด้านบน จะเป็นสีขาวหรือสีดำก็ได้ แต่จะมีหางของแท่งเทียนที่ยาวมากๆ และจะเกิดขึ้นระยะเวลาอันสั้น Shooting Star มักจะเกิดตอนใกล้จบแท่งหรือใกล้จบชั่วโมง หรือใกล้จบวัน และจะเกิดในระยะเวลาที่สั้นมาก จะมีแรงขายเข้ามาก่อนเปลี่ยนแท่งหรือสิ้นสุดวัน
หากเราเจอแท่งเทียนลักษณะนี้ก็คาดเดาได้เลยว่า ราคาน่าจะกลับตัวแล้ว ให้หาจังหวะเข้าออเดอร์ในทิศทางขาลงได้ทัน หรือหากถือออเดอร์ในทิศทางขาขึ้นไว้ ให้ออกโดยทันที







รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)

 นี้เป็นตอนสุดท้ายของแท่งเทียนแบบBullish เป็นแท่งเที่ยนที่บ่งบอกลักษณะของแท่งเทียนขาขึ้น  เรามาต่อกันเลยครับ 


Bullish Engulfing 
แท่งเทียนในรุปแบบนี้จะประกอบด้วย แท่งเทียนที่เป็นแท่งขาลงที่มีแรงขายมาก และแท่งเทียนขาขึ้นที่มีซื้อกลับเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าแรงซื้อ จึงทำให้ลักษณะของแท่งเทียนขาขึ้นกลืนกินแท่งเทียนที่ลงมาทั้งหมด  หากเราเจอแท่งเทียนในลักษณะนี้ในแนวโน้มขาลง ให้ออกออเดอร์เซลก่อน เพราะตลาดอาจจะมีการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น  หากเจอแท่งเทียนลักษณะนี้ในแนวโน้มขาขึ้น ให้หาจังหวะเข้า BUY ทันทีเพราะมันเป็นสัญญาณที่ยืนยันความเป็นแนวโน้มขาขึ้น โอกาสพลาดน้อยมากๆ Win Ratio สูงครับ สำหรับรูปแบบ Bullish Engulfing 





Morning Star 
รูปแบบนี้จะประกอบไปด้วยแท่งเทียนทั้งหมด 3 แท่ง ซึ่งจะเป็นสภาวะการเปลี่ยนแปลงจากตลาดขาลงเป็นตลาดขาขึ้น หรืออาจจะเปลี่ยนจากตลาดขาลงเป็นการพักตัวในช่วงขาลง ซึ่งจะต้องดูจากพฤติกรรมของราคา ณ ช่วงเวลานั้น  แท่งเทียนแท่งแรกจะเป็นแท่งขาลงที่แรงขายเยอะมาก และจากนั้นจะแรงซื้อกลับเข้ามาเล็กน้อยในแท่งเทียนแท่งที่สอง   สุดท้าย แท่งเทียนแท่งที่ 3 จะเป็นการยืนยันแรงซื้อจากแท่งที่สอง สัญญาณนี้มาช้าแต่ชัวร์ แนะนำให้ดูที่ไทม์เฟรม 1 วันขึ้นไป เพราะจะให้ความแม่นยำสูงมาก  โดยส่วนใหญ่จะบ่งบอกการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น  


Morning Doji Star 
รูปแบบนี้จะคล้ายรูปแบบของ Morning Star แต่จะแท่งที่สองจะเป็นเครื่องไม้บวก หรือไม้กางเขน บ่งบอกถึงแรงซื้อและแรงขายในแท่งที่สองเกือบเท่ากัน จึงทำให้ราคาเปิดและราคาปิดมาปิดที่ราคาเดียวกัน หากหางด้านล่างของแท่งที่สองมีความยาวสูงมาก จะเป็นการยืนยันการกลับตัวที่ชัดเจน สามารถเข้าเทรดหลังจากจบแท่งที่สองได้เลย แต่หากความยาวของหางของแท่งที่สองมีขนาดสั้นมาก ต้องรอสัญญาณยืนยันจากแท่งที่สามก่อน จึงจะสามารถเข้าเทรด Buy ได้  สัญญาณ Morning Doji Star ใช้เพื่อบ่งบอกการกลับตัวจากตลาดขาลงเป็นตลาดขาขึ้น ความแม่นยำสูงมาก หากใช้กับไทม์เฟรมสูงๆ อย่างเช่น Daily time frame 


Three White Soldiers 
รูปแบบนี้มีชื่อไทยๆว่าสามทหารเสือ หากเจอสามแท่งนี้เมื่อไหร่ เราสามารถคาดการณ์ได้เลยว่า ราคามีการกลับตัวแน่นอน เพราะได้รับการยืนยันจากแท่งเทียนที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นถึงสามแท่ง ลักษณะที่สำคัญของรูปแบบนี้คือ ในช่วงของตลาดขาลงจะมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจะค่อยๆมีแรงซื้อกลับเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาทีละแท่ง โดยลักษณะของแท่งจะเป็นการเปิดและการปิดของราคาที่ต่อเนื่องกัน และไม่ค่อยมีแรงขายเกิดขึ้นในช่วง 3 แท่งนี้ จึงเป็นที่มาของรูปแบบ Three white soldiers  สามทหารเสือนั่นเอง 




คลิ๊กสมัครEXNESSได้เลย

สมัครตัวทดลองฟรี+เงินไม่จำกัด

รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (candlestick Pattern)

 สำหรับเรื่องของแท่งเทียนยังคงเป็นแท่งเทียนในหัวข้อ Bullish Candlesticj Pattern หรือ รูปแบบของแท่งเทียนขาขึ้น


Bullish Harami 
รูปแบบนี้จะมีลักษณะเป็นแท่งเทียนขาขึ้นเล็กๆ อยู่ตรงกลางแท่งเทียนขาลงที่ถูกเทขายลงมาอย่างหนัก จากนั้นก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาทันที แรงซื้อดังกล่าวมีปริมาณที่มาก ทำให้ราคาปิดของแท่งขาลง กับราคาเปิดของแท่งขาขึ้นไม่ตรงกัน จึงทำให้แท่งเทียนที่เป็น harami ไปอยู่ตรงกลาง  หากเจอกราฟลักษณะนี้ในแนวโน้มขาลง ให้ออกออเดอร์ที่เข้า Sell ไว้ และหาจังหวะ Buy  และหากเจอกราฟลักษณะนี้ในแนวโน้มขาขึ้น ให้หาจังหวะ Buy ได้ทันที






Bullish Harami Cross   
รูปแบบนี้จะมีลักษณะของแท่งเทียนเป็นเหมือนรูปโดจิ เหมือนไม้กางแขน หรือเครื่องหมายบวก เล็กๆอยู่ตรงกลางของแท่งขาลง บ่งบอกถึงความอ่อนแรงของตลาดขาลงและมีแรงซื้อกลับจากนักลงทุน  ความหมายของแท่งเทียนในลักษณะนี้จะคล้ายๆกับ Bullish Harami



Piercing  Pattern 
รูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น เราจะพบว่าแท่งเทียนที่เป็นสีดำขาลงจะมีขนาดยาวและมีแรงขายเยอะมากๆ จากนั้นแท่งสีขาวยังมีราคาเปิดต่ำกว่าแท่งสีดำ นั่นหมายความว่า ในตอนแรกนั้น แรงขายยังคงมีมาเรื่อยๆ แต่เมื่อใกล้ตลาดปิดหรือใกล้ครบช่วงเวลาที่กำหนด ตลาดจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างมหาศาล แรงซื้ออาจจะกลับมาใกล้เคียงกับแรงขายทั้งหมด จึงเกิดเป็นแท่งเทียนแบบ Piercing Pattern   หากเจอสัญญาญแบบนี้ในแนวโน้มขาลง กราฟจะบ่งบอกเราว่า กำลังจะกลับตัว  แต่หากเจอลักษณะแบบนี้ในแนวโน้มขาขึ้น ให้หาจังหวะเข้า  Buy ได้ทันที






รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)

 รูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อย (Candlestick Pattern)


ชาวญี่ปุ่นได้พัฒนาการวิเคราะห์แบบแท่งเทียนนี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1600 เพื่อนำมาคาดคะเนราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ราคาข้่าว 

แผนภูมิแท่งเทียนจะแสงราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิด ซึ่งคล้ายกับรูปแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน หนังสือ Candlestick Charting ซึ่งเขียนโดย Steven Nison ได้อธิบายวิธีการวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 1989 และลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Future ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1990 ซึ่งเขากล่าวว่าวิธีนี้เป็นเคล็ดลับของชาวเอเชียที่ถูกลืมมาเป็นเวลานาน (Long forgotten asian secret)

แผนภูมิแท่งเทียนได้ให้ภาพของซัพพลายและดีมานด์ไว้อย่างชัดเจน

สิ่งที่สำคัญคือการแสดงกราฟแท่งเทียนที่จะต้องมีราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาเปิดไว้อย่างครบถ้วน จึงจะเป็นกราฟแท่งเที่ยนได้ จะขาดแม้แต่ราคาเปิดก็ไม่ได้


ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียน

ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียน ( Candlestick) ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ในระยะสั้น

รูปแบบแผนภูมิของกราแท่งเทียน (Candle Stick Patern) แบ่งได้สามรูปแบบใหญ่ๆดังนี้
1.รูปแบบกระทิง (Bullish Pattern) เป็นสัญญาณการกลับตัวจากทิศทางขาลงเป็นทิสทางขาขึ้น  (Bottom reversal signal)
2.รูปแบบหมี (Bearish Pattern) เป็นสัญญาณการกลับตัวจากทิศทางขาขึ้นเป็นทิศทางขาลง (top reversal signal )
3. รูปแบบต่อเนื่อง (continuation pattern) เป็นรูปแบบที่แสดงถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มเดิม)

รูปแบบกระทิง (Bullish Pattern )

รูปแบบกระทิงจะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของราคาจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น โดยเฉพาะเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะลงมาเยอะแล้ว (Oversold) มักจะพบอยู่ที่จุดต่ำสุดของช่วงนั้น และมีรูปแบบต่างๆดังต่อไปนี้

1. Long white (แท่งเทียนขาขึ้นแท่งยาวๆ)
 รูปแบบนี้จะเป็นแท่งสีขาวยาว ซึ่งจะมีช่วงระหว่างจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดห่างกันมาก แสดงถึงพละกำลังของพลังซื้อ โดยราคาเปิดจะอยู่ใกล้เคียงกับราคาต่ำสุดและราคาปิดจะอยู่ใกล้เคียงกับตำแหน่งสูงสุด  แท่งเทียนแบบ Long white จะถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Strong move Bar  และส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงที่มีข่าวเชิงบวกและเชิงลบที่ส่งผลรุนแรงกับตลาด








2.Long Lower Shadow (แท่งเทียนที่มีหางยาวๆอยู่ด้านล่าง)
รูปแบบนี้จะเป็นแท่งทีมีหางของแท่งเทียนยาวๆมาก โดยมีความยาวของหางจะมากกว่าตัวแท่งประมาณ 2/3 เท่า  แท่งเทียนในลักษณะนี้มักจะพบบ่อยตามแนวรับของราคาในช่วงนั้นๆ และมีชื่อเรียกอีกหนึ่งชื่อว่า Pin bar เทรดเดอร์บางคนเอาไว้ดูกราฟกลับตัวของกราฟ หากเห็นแท่งลักษณะแบบนี้จะเข้าเทรดในทิศทางขึ้นทันที หรืออาจจะปิดออเดอร์ Sell 








3.Hammer

รูปแบบนี้จะเป็นแท่งเทียนที่บ่งบอกลักษณะของแรงซื้อเข้ามามากก่อนตลาดจะปิด หรือเข้ามามากในช่วงเวลาที่กำหนดและกำลังจะสิ้นสุดลง แต่แรงซื้อยังไม่ได้มากกว่าแรงขายของช่วงที่เวลาทั้งหมด  แท่งเทียนลักษณะนี้มักพับในช่วงขาลงและบนในบริเวณที่เป็นแนวรับที่สำคัญ  หากเจอแท่งเทียนในลักษณะนี้ ให้มองหาโอกาสที่จะทำกำไรในแนวโน้มขาขึ้นได้ทันที







วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เทคนิคการเทรด Forex

ในทางตำราทั่วไปมักจัดให้เรื่องของ 'วินัย' เป็นกุญแจสำคัญในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ แล้ว เทรดเดอร์จำนวนมากจะรักษาวินัยได้เมื่อเขาศรัทธาในระบบเทรดของตน ซึ่งการจะศรัทธาระบบเทรดนั้นๆ ได้ มันต้องผ่านการทดสอบและอยู่บนพื้นฐานของกลยุทธ์การเทรดหรือเทคนิคการเทรดที่ดี

เทคนิค Forex กับเรื่องของวินัยจึงเป็นเหมือน "ไก่กับไข่" ที่ไม่ได้แยกออกจากกันเลยทีเดียว แต่อยู่ประสานและเกื้อหนุนกันจนก่อให้เกิดผลสำเร็จในทางการเทรด คำถามก็คือว่า "เทคนิคเทรด Forex ที่ดี" จะหาได้จากไหน ซึ่งก็ต้องบอกว่า  มันควรพัฒนามาจากธรรมชาติของพฤติกรรมของราคา ดังนั้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นกลยุทธ์หรือระบบเทรด เราต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาก่อน

พฤติกรรมราคาพื้นฐาน 3 แบบ

  1. Range
  2. Breakout
  3. Reversal

ซึ่งเป็นลักษณะหรือรูปแบบของกราฟ ซึ่งอาจแสดงออกเป็น Pattern ที่ซับซ้อนหรือรูปแบบ Price Action ต่างๆ แต่สิ่งสำคัญ คือการพิจารณาพฤติกรรมราคาผ่าน "ลักษณะของทิศทาง" หลังจากที่ราคาได้กระทบ "แนวรับ-แนวต้าน" ซึ่งถือเป็นแนวราคาที่สำคัญ หรือพูดอีกอย่าง คือ เราจะสังเกตพฤติกรรมราคาเมื่อราคามาถึงจุดที่สำคัญๆ

เทคนิคการดูพฤติกรรมราคา Forex
ภาพ 1.1 กราฟ USDCAD ราย Daily อธิบายพื้นฐานพฤติกรรมราคา; Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

Range คือลักษณะที่กราฟแท่งเทียนเคลื่อนเป็นกรอบ ในตลาดที่มีสภาพคล่องมากๆ พฤติกรรมราคาแบบนี้กินระยะเวลาส่วนใหญ่ของทั้งตลาด เทรดเดอร์ระดับตำนานมักกล่าวว่า "ตลาดส่วนใหญ่เป็นไซด์เวย์" หรือเคลื่อนเป็นกรอบ Range นั่นเอง ซึ่งในภาพ 1.1 ด้านบนนั้น เราจะเห็นว่า ตลาดจะสลับไปมาระหว่าง Range กับการ Breakout เพื่อสร้างแนวโน้มใหม่

พฤติกรรมราคาที่เป็น Range ก็เหมาะกับเทคนิคการเทรด Forex อีกประเภทหนึ่ง นิยมใช้เครื่องมือในกลุ่ม Oscillator ในการหาสัญญาณเข้าเทรด ซึ่งก็มักเป็นกลยุทธ์ในกลุ่ม Swing Trade, Mean Reversion เป็นต้น โดยตัวอย่างกลยุทธ์การสวิงจะอธิบายในหัวข้อถัดไป

ตัวอย่าง Range

ซึ่งสำหรับ Range โดยทั่วไป เราจะสามารถระบุได้ชัดเจนว่า พฤติกรรมราคาที่เห็นอยู่ปัจจุบันเป็น Range ก็ต่อเมื่อเกิดการกลับตัวของแท่งเทียนในจังหวะที่ 3 ซึ่งลองสังเกตภาพด้านบนนี้ ซึ่งตัดมาจากภาพ 1.1 จะเห็นว่า จังหวะที่ 1 และ 2 เป็นเพียงการสร้างกรอบ High, Low เท่านั้น เมื่อจุดที่ 3 ไปกลับตัวบริเวณ 1 มันก็เท่ากับกรอบ Range นั้นสมบูรณ์ และเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ จะเริ่มใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมหลังจากเกิดจุดที่ 3

เทคนิค Forex ส่วนใหญ่ยึดโยงกับเรื่อง "แนวรับ-แนวต้าน" โดยพฤติกรรมราคาที่เรียกว่า [2] Breakout เราจะสังเกตปฏิกิริยาได้ตรงบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นกรอบของ Range โดยการ Breakout ของราคาที่ถือว่าแข็งแรงจะเป็นลักษณะ "แท่งเทียนขนาดใหญ่" ลองสังเกตที่ภาพ 1.1 อีกเช่นเคย แท่งเทียนที่ Breakout ออกมาจะยาวกว่าค่าเฉลี่ยของแท่งอื่น ๆ ในกรอบ

หลังจากสามารถยืนยันการเกิด Breakout ได้แล้วว่าไม่ใช่ "เบรกหลอก" เทรดเดอร์ก็จะรอใช้เทคนิคการเทรดในกลุ่ม Trend Following หรืออาจรอจังหวะ Pullback กลับมา แล้วเข้าเทรด

สุดท้ายในหัวข้อนี้ [3] Reversal พฤติกรรมราคาที่ "กลับตัว" เช่นเดียวกันกับ Breakout ที่ต้องพิจารณาตามแนวรับ-แนวต้าน และจะเรียกว่าเป็น Reversal ได้ถนัดปาก กราฟแท่งเทียนควรกลับตัวภายใน 2-3 แท่ง ให้สังเกตภาพ 1.1 จะเห็นว่า เมื่อเกิดสัญญาณกลับตัว แท่งต่อมาก็ควรกลับทิศทางเลย จึงนับว่าเป็น Reversal ที่มีคุณภาพ

เทคนิคการเทรด Forex ให้ได้กําไร ในสภาวะของตลาดที่เป็น Reversal สิ่งสำคัญคือระยะในการ Take Profit เพราะหากเกิดเป็น Reversal จริง ๆ ระยะทางที่เกิดขึ้นจะค่อนข้างไกล และจากภาพ 1.1 จะเห็นเลยว่า มันจะวิ่งไปอย่างน้อยก็แนวรับ-แนวต้านถัดไป แต่ถ้าไกลกว่านั้นก็อาจใช้เทคนิค Fibonacci Trading เข้ามาช่วย

สำหรับท่านที่ใจร้อนและอยากเริ่มทดลองสร้างเทคนิคการเทรด Forex จากพฤติกรรมราคาที่เพิ่งได้ศึกษาไปแล้วนั้น เราแนะนำให้ทดลองใช้ "ระบบเงินจำลอง" หรือ Demo Account ก่อน เพราะมันจะเสกเงินปลอมมาให้คุณลองฝึกเทรดในตลาดจริง ๆ ได้ เติมเงินได้ไม่จำกัด ใส่อินดิเคเตอร์ทุกอย่างได้เหมือนบัญชีจริง เปิดบัญชีทดลองได้ฟรี คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!

คลิ๊กสมัครEXNESSได้เลย

สมัครตัวทดลองฟรี+เงินไม่จำกัด


วิธีเทรด Forex "ให้ได้กําไร"

วิธีเทรด Forex "ให้ได้กําไร"

กลยุทธ์การเทรดต่างๆ หรือเทคนิคการเทรด Forex ให้ได้กําไรนั้นมีพื้นฐานมาจากพฤติกรรมราคาที่แตกต่างกัน ทั้ง Breakout, Reversal, Range นั้น ดังนั้น ธรรมชาติของแต่ละเทคนิคจะมี "ระยะทางของกำไร" ที่แตกต่างกัน การที่เราจะประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ เหล่านั้นให้สามารถทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติพวกนี้

เพราะถ้าเราเข้าใจว่า ธรรมชาติของ Trend Following จะมีจำนวนรอบการเทรดที่น้อย และต้องการระยะเวลาในการถือครองที่นาน เราก็จะไม่ประมาทเข้าไปจัดการ Position บ่อยๆ เมื่อตลาดผันผวน

ตรงกันข้าม หากเราเลือกใช้เทคนิคเทรด Forex ระยะสั้นๆ อย่าง 'Scalping' เราก็ต้องเข้าใจว่า จุดแข็งของ Scalping ก็คือความสามารถในการ "ทำรอบ" หรือเทรดถี่ ๆ กำไรคำเล็กๆ หลายๆ รอบ เมื่อจุดแข็งคือ "จำนวนรอบ" เราก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Lot หรือขนาดการเทรดให้ใหญ่เกินความจำเป็น

จำนวนรอบของกลยุทธ์แบบ Trend
ภาพ 1.2 กราฟ Gold ราย Daily เทคนิคการเทรด Forex แบบแนวโน้ม จะเน้นระยะทางให้ได้ไกลที่สุด; Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

 ในภาพ 1.2 คือตัวอย่างระบบเทรดระยะกลางในกราฟทองคำกับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 20 วัน ซึ่งจะเน้นการถือครอง Position ให้ได้ระยะไกล ๆ เท่าที่ตลาดจะพอให้ได้ตามกรอบของเส้น EMA 20 แน่นอนว่า "จำนวนรอบ" หรือจำนวนครั้งที่เข้าเทรดในแต่ละเดือนจะน้อยมาก เทคนิคเทรด Forex ระยะกลางตามระบบนี้ มีขั้นตอนดังนี้

  1. ต้องมีการ [Breakout] ออกจากกรอบราคาหนึ่ง ๆ
  2. ราคากลับมายืน และเกิด [Reversal] เหนือเส้น EMA-20 นี่คือจุดในการเข้าเทรด
  3. ออกจากการเทรดเมื่อกราฟแท่งเทียนกลับมาแตะเส้น EMA-20

หากเราใช้ระบบเทรดนี้ ธรรมชาติของระบบเทรดในส่วนของข้อดี คือ มันจะได้ระยะกลางที่ไกลต่อการเทรด 1 ครั้ง ซึ่งในภาพเราสามารถเก็บกำไรได้ประมาณ 4-5% จากความเสี่ยง Stop Loss ที่ 2% นั่นแปลว่า ระบบเทรดแบบนี้จะได้ Risk/Reward ที่ดี หรือพูดง่าย ๆ ผลกำไรคุ้มค่ากับความเสี่ยงในแต่ละเทรด

แต่เมื่อเราต้องถือ Position เป็นระยะเวลานาน "ธรรมชาติที่เป็นข้อเสีย" ของระบบแบบนี้ คือการที่มันจะต้องเจอความผันผวนระหว่างสัปดาห์ ทำให้กำไรที่ถืออยู่ อาจจะหายไปทีละ 50-70% ซึ่งหากเราไม่เข้าใจธรรมชาติ เราก็อาจจะมีแนวโน้มที่ออกจาก Position เร็วกว่าที่ควรจะเป็นมาก ๆ

Swing Trading จะทำรอบได้เยอะกว่า
ภาพ 1.3 กราฟ Gold ราย Daily อธิบายรอบสวิงเทรดที่ทำได้ถี่กว่า; Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

กลยุทธ์ Trend Following อาศัยประโยชน์จากความเข้าใจเรื่อง Breakout และ Reversal ซึ่งเกิดขึ้นทุกขณะที่ราคาสัมผัสแนวรับแนวต้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กลไลหลักของกลยุทธ์ข้างต้น อ้างอิงกับ EMA 20 วัน ทำให้สามารถสร้างรอบการเทรดได้น้อย

ยิ่งใช้ EMA เยอะ ๆ รอบการเทรดจะยิ่งน้อย แต่กำไรก็เยอะขึ้น, ระยะเวลาถือครองที่นานขึ้น ย้อนกลับไปในภาพ 1.2  เราทำกำไรได้ 4.5% โดยอาศัยระยะเวลาการถือครอง Position ประมาณ 25 วัน หรือเดือนนิดๆ 

เทรดเดอร์หลายคนจึงเลือกที่จะเร่งผลตอบแทนด้วยการใช้กลยุทธ์การเทรดที่สามารถทำรอบการเทรดได้สูงกว่า ในกรณีของภาพ 1.3 ด้านบน คือกลยุทธ์แบบ Swing Trading ที่มีพื้นฐานการ Setup จากการเกิดพฤติกรรมราคา [Reversal] ที่ต้องย้ำเรื่องพฤติกรรมราคาบ่อยๆ เพราะต้องการให้เข้าใจถึงแนวคิดว่า เทคนิคเทรด Forex ที่ใช้ๆ กันนั้น มีพื้นฐานจากแนวคิดอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้น

กลับมาที่เรื่อง Swing Trading ในภาพ 1.3 ลูกศรสีชมพู แค่ต้องการอธิบายว่า จังหวะการเข้าเทรดจะเป็นลักษณะ "ให้ราคาเคลื่อนขึ้นไปก่อน แล้ววกกลับมาทดสอบที่แนวรับ" จังหวะเข้าเทรดคือจังหวะที่เกิด Price Action แบบ Reversal นั่นเอง

ซึ่งภาพนี้เป็นกราฟราคาทองคำอันเดียวกับภาพ 1.2 แต่ด้วยธรรมชาติของเทคนิคการเทรด Forex แบบสวิงเทรดนั้น มันสามารถเทรดได้หลาย ๆ รอบใน 1 เดือน ในตัวอย่าง 1.3 จะเห็นว่า มีโอกาสสูงมากที่จะทำกำไรอย่างน้อยได้ถึง 3 รอบภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผน ก็ควรจะได้กำไรประมาณ 2.2+2.3+2.7 = 7.2% ต่อความเสี่ยงราว ๆ 1.3% ต่อการเทรด

จำนวนรอบและความผันผวน

หากอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะพอเดาออกได้บ้างแล้วว่า จริงๆ แล้วหลักการเทรด Forex มันก็ไม่เชิงว่าเป็นระบบเทรดที่เป็นความลับอะไร แต่เทคนิคจริงๆ คือ "ความเข้าใจ" ซึ่งหากเอาเฉพาะในเรื่องของเทคนิคการเทรดแล้ว หลักๆ มีแค่ 2 อย่างที่ต้องทำความเข้าใจ

  1. ความเข้าใจในตัว "พฤติกรรมราคา"
  2. ความเข้าใจในตัว "กลยุทธ์"

พฤติกรรมราคา Breakout, Reversal, Range จะบอกเราว่าต้องใช้กลยุทธ์หรือระบบเทรดแบบไหน ในขณะที่ความเข้าใจในกลยุทธ์ คือต้องเข้าใจที่ข้อดีและข้อจำกัดของมันเอง ซึ่งสิ่งสำคัญหลักๆ ของมันคือ "จำนวนรอบ" ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับความผันผวนของสินทรัพย์นั้นๆ  ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

กลยุทธ์เล่นยาว เช่น Trend Following (TF)

  • ธรรมชาติจะทำรอบได้น้อย ถือยาว มีโอกาสเจอความผันผวนระหว่างทางสูง
    เราต้อง "มีความเข้าใจ" ว่าเมื่อ TF ทำรอบได้น้อย และจุดแข็งคือการถือให้ยาวที่สุด ปัญหาคือ "ความรู้สึกอึดอัด" และความกลัวที่กำไรจะหายไป เราต้องเข้าใจธรรมชาติของ TF ว่ามันจะเป็นแบบนี้ จะมีกำไรบางส่วนหายไป เราต้องออกจากการเทรดเมื่อมีสัญญาณที่ชัดเจนเท่านั้น

  • กลยุทธ์เล่นรอบ เช่น Swing
    สามารถเทรดได้ถี่กว่าแบบ TF ซึ่งหมายถึง มีโอกาสทำกำไรได้เยอะกว่า แต่ความเสี่ยงก็สูงกว่าเพราะเทรดบ่อย โอกาสผิดพลาดก็ง่ายกว่า

    ซึ่งในกรณีของ Swing เราก็ต้อง "มีความเข้าใจ" เหมือนกันว่า จุดแข็งมันคือการทำรอบให้ได้เยอะๆ ดังนั้น อย่าพยายาม Let's Profit Run ให้ออกเมื่อถึงแนวราคาสำคัญ อย่าคาดหวังว่ามันจะ Breakout แล้วไปต่อ หรือหากราคามีอาการชะลออย่างผิดปกติ ก็ให้ออกเก็บกำไรไว้ก่อน ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
    แนวคิดการเทรด Forex ระยะยาว ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ คลิกที่ลิงก์ได้เลย!

สำหรับท่านที่ต้องการเปิดบัญชีเทรดออนไลน์ หรือต้องการทดลองใช้ "ระบบเงินจำลอง" ซึ่งจำลองเงินปลอมมาให้คุณฝึกเทรดทองในตลาดจริงๆ ได้ คุณสามารถลงทะเบียนเปิดใช้งานได้ฟรี คลิกที่ปุ่มด้านล่าง!

คลิ๊กสมัครEXNESSได้เลย

สมัครตัวทดลองฟรี+เงินไม่จำกัด