วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2566

วิธีเทรด Forex "ให้ได้กําไร"

วิธีเทรด Forex "ให้ได้กําไร"

กลยุทธ์การเทรดต่างๆ หรือเทคนิคการเทรด Forex ให้ได้กําไรนั้นมีพื้นฐานมาจากพฤติกรรมราคาที่แตกต่างกัน ทั้ง Breakout, Reversal, Range นั้น ดังนั้น ธรรมชาติของแต่ละเทคนิคจะมี "ระยะทางของกำไร" ที่แตกต่างกัน การที่เราจะประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ เหล่านั้นให้สามารถทำกำไรในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติพวกนี้

เพราะถ้าเราเข้าใจว่า ธรรมชาติของ Trend Following จะมีจำนวนรอบการเทรดที่น้อย และต้องการระยะเวลาในการถือครองที่นาน เราก็จะไม่ประมาทเข้าไปจัดการ Position บ่อยๆ เมื่อตลาดผันผวน

ตรงกันข้าม หากเราเลือกใช้เทคนิคเทรด Forex ระยะสั้นๆ อย่าง 'Scalping' เราก็ต้องเข้าใจว่า จุดแข็งของ Scalping ก็คือความสามารถในการ "ทำรอบ" หรือเทรดถี่ ๆ กำไรคำเล็กๆ หลายๆ รอบ เมื่อจุดแข็งคือ "จำนวนรอบ" เราก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Lot หรือขนาดการเทรดให้ใหญ่เกินความจำเป็น

จำนวนรอบของกลยุทธ์แบบ Trend
ภาพ 1.2 กราฟ Gold ราย Daily เทคนิคการเทรด Forex แบบแนวโน้ม จะเน้นระยะทางให้ได้ไกลที่สุด; Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

 ในภาพ 1.2 คือตัวอย่างระบบเทรดระยะกลางในกราฟทองคำกับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 20 วัน ซึ่งจะเน้นการถือครอง Position ให้ได้ระยะไกล ๆ เท่าที่ตลาดจะพอให้ได้ตามกรอบของเส้น EMA 20 แน่นอนว่า "จำนวนรอบ" หรือจำนวนครั้งที่เข้าเทรดในแต่ละเดือนจะน้อยมาก เทคนิคเทรด Forex ระยะกลางตามระบบนี้ มีขั้นตอนดังนี้

  1. ต้องมีการ [Breakout] ออกจากกรอบราคาหนึ่ง ๆ
  2. ราคากลับมายืน และเกิด [Reversal] เหนือเส้น EMA-20 นี่คือจุดในการเข้าเทรด
  3. ออกจากการเทรดเมื่อกราฟแท่งเทียนกลับมาแตะเส้น EMA-20

หากเราใช้ระบบเทรดนี้ ธรรมชาติของระบบเทรดในส่วนของข้อดี คือ มันจะได้ระยะกลางที่ไกลต่อการเทรด 1 ครั้ง ซึ่งในภาพเราสามารถเก็บกำไรได้ประมาณ 4-5% จากความเสี่ยง Stop Loss ที่ 2% นั่นแปลว่า ระบบเทรดแบบนี้จะได้ Risk/Reward ที่ดี หรือพูดง่าย ๆ ผลกำไรคุ้มค่ากับความเสี่ยงในแต่ละเทรด

แต่เมื่อเราต้องถือ Position เป็นระยะเวลานาน "ธรรมชาติที่เป็นข้อเสีย" ของระบบแบบนี้ คือการที่มันจะต้องเจอความผันผวนระหว่างสัปดาห์ ทำให้กำไรที่ถืออยู่ อาจจะหายไปทีละ 50-70% ซึ่งหากเราไม่เข้าใจธรรมชาติ เราก็อาจจะมีแนวโน้มที่ออกจาก Position เร็วกว่าที่ควรจะเป็นมาก ๆ

Swing Trading จะทำรอบได้เยอะกว่า
ภาพ 1.3 กราฟ Gold ราย Daily อธิบายรอบสวิงเทรดที่ทำได้ถี่กว่า; Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

กลยุทธ์ Trend Following อาศัยประโยชน์จากความเข้าใจเรื่อง Breakout และ Reversal ซึ่งเกิดขึ้นทุกขณะที่ราคาสัมผัสแนวรับแนวต้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กลไลหลักของกลยุทธ์ข้างต้น อ้างอิงกับ EMA 20 วัน ทำให้สามารถสร้างรอบการเทรดได้น้อย

ยิ่งใช้ EMA เยอะ ๆ รอบการเทรดจะยิ่งน้อย แต่กำไรก็เยอะขึ้น, ระยะเวลาถือครองที่นานขึ้น ย้อนกลับไปในภาพ 1.2  เราทำกำไรได้ 4.5% โดยอาศัยระยะเวลาการถือครอง Position ประมาณ 25 วัน หรือเดือนนิดๆ 

เทรดเดอร์หลายคนจึงเลือกที่จะเร่งผลตอบแทนด้วยการใช้กลยุทธ์การเทรดที่สามารถทำรอบการเทรดได้สูงกว่า ในกรณีของภาพ 1.3 ด้านบน คือกลยุทธ์แบบ Swing Trading ที่มีพื้นฐานการ Setup จากการเกิดพฤติกรรมราคา [Reversal] ที่ต้องย้ำเรื่องพฤติกรรมราคาบ่อยๆ เพราะต้องการให้เข้าใจถึงแนวคิดว่า เทคนิคเทรด Forex ที่ใช้ๆ กันนั้น มีพื้นฐานจากแนวคิดอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้น

กลับมาที่เรื่อง Swing Trading ในภาพ 1.3 ลูกศรสีชมพู แค่ต้องการอธิบายว่า จังหวะการเข้าเทรดจะเป็นลักษณะ "ให้ราคาเคลื่อนขึ้นไปก่อน แล้ววกกลับมาทดสอบที่แนวรับ" จังหวะเข้าเทรดคือจังหวะที่เกิด Price Action แบบ Reversal นั่นเอง

ซึ่งภาพนี้เป็นกราฟราคาทองคำอันเดียวกับภาพ 1.2 แต่ด้วยธรรมชาติของเทคนิคการเทรด Forex แบบสวิงเทรดนั้น มันสามารถเทรดได้หลาย ๆ รอบใน 1 เดือน ในตัวอย่าง 1.3 จะเห็นว่า มีโอกาสสูงมากที่จะทำกำไรอย่างน้อยได้ถึง 3 รอบภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผน ก็ควรจะได้กำไรประมาณ 2.2+2.3+2.7 = 7.2% ต่อความเสี่ยงราว ๆ 1.3% ต่อการเทรด

จำนวนรอบและความผันผวน

หากอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะพอเดาออกได้บ้างแล้วว่า จริงๆ แล้วหลักการเทรด Forex มันก็ไม่เชิงว่าเป็นระบบเทรดที่เป็นความลับอะไร แต่เทคนิคจริงๆ คือ "ความเข้าใจ" ซึ่งหากเอาเฉพาะในเรื่องของเทคนิคการเทรดแล้ว หลักๆ มีแค่ 2 อย่างที่ต้องทำความเข้าใจ

  1. ความเข้าใจในตัว "พฤติกรรมราคา"
  2. ความเข้าใจในตัว "กลยุทธ์"

พฤติกรรมราคา Breakout, Reversal, Range จะบอกเราว่าต้องใช้กลยุทธ์หรือระบบเทรดแบบไหน ในขณะที่ความเข้าใจในกลยุทธ์ คือต้องเข้าใจที่ข้อดีและข้อจำกัดของมันเอง ซึ่งสิ่งสำคัญหลักๆ ของมันคือ "จำนวนรอบ" ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับความผันผวนของสินทรัพย์นั้นๆ  ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

กลยุทธ์เล่นยาว เช่น Trend Following (TF)

  • ธรรมชาติจะทำรอบได้น้อย ถือยาว มีโอกาสเจอความผันผวนระหว่างทางสูง
    เราต้อง "มีความเข้าใจ" ว่าเมื่อ TF ทำรอบได้น้อย และจุดแข็งคือการถือให้ยาวที่สุด ปัญหาคือ "ความรู้สึกอึดอัด" และความกลัวที่กำไรจะหายไป เราต้องเข้าใจธรรมชาติของ TF ว่ามันจะเป็นแบบนี้ จะมีกำไรบางส่วนหายไป เราต้องออกจากการเทรดเมื่อมีสัญญาณที่ชัดเจนเท่านั้น

  • กลยุทธ์เล่นรอบ เช่น Swing
    สามารถเทรดได้ถี่กว่าแบบ TF ซึ่งหมายถึง มีโอกาสทำกำไรได้เยอะกว่า แต่ความเสี่ยงก็สูงกว่าเพราะเทรดบ่อย โอกาสผิดพลาดก็ง่ายกว่า

    ซึ่งในกรณีของ Swing เราก็ต้อง "มีความเข้าใจ" เหมือนกันว่า จุดแข็งมันคือการทำรอบให้ได้เยอะๆ ดังนั้น อย่าพยายาม Let's Profit Run ให้ออกเมื่อถึงแนวราคาสำคัญ อย่าคาดหวังว่ามันจะ Breakout แล้วไปต่อ หรือหากราคามีอาการชะลออย่างผิดปกติ ก็ให้ออกเก็บกำไรไว้ก่อน ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
    แนวคิดการเทรด Forex ระยะยาว ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ คลิกที่ลิงก์ได้เลย!

สำหรับท่านที่ต้องการเปิดบัญชีเทรดออนไลน์ หรือต้องการทดลองใช้ "ระบบเงินจำลอง" ซึ่งจำลองเงินปลอมมาให้คุณฝึกเทรดทองในตลาดจริงๆ ได้ คุณสามารถลงทะเบียนเปิดใช้งานได้ฟรี คลิกที่ปุ่มด้านล่าง!

คลิ๊กสมัครEXNESSได้เลย

สมัครตัวทดลองฟรี+เงินไม่จำกัด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น